HSBC บังกลาเทศใช้ Blockchain ในการนำเข้าน้ำมันเตาจากสิงคโปร์
ธนาคาร HSBC แห่งบังกลาเทศกำลังนำเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตอย่าง Blockchain มาใช้เพื่อพัฒนาบริการด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยนำเข้าน้ำมันเตา (Fuel Oils) กว่า 20,000 ตันจากสิงคโปร์
ธนาคาร HSBC แห่งบังกลาเทศกำลังนำเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตอย่าง Blockchain มาใช้เพื่อพัฒนาบริการด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยนำเข้าน้ำมันเตา (Fuel Oils) กว่า 20,000 ตันจากสิงคโปร์
ธนาคารระดับโลกอย่าง HSBC แห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาบริการด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยทางธนาคารได้เปิดให้บริการการทำธุรกรรม Letter of Credit หรือ การจัดทำหนังสือค้ำประกันที่ทางธนาคารเป็นผู้ออกให้ตามคำขอของผู้นำเข้าสินค้าบนแพลตฟอร์ม Distributed Ledger Technology (DLT) ของบริษัท Contour
การทำธุรกรรมข้างต้นถูกนำมาใช้ในการซื้อน้ำมันเตานำเข้ากว่า 20,000 ตัน จากบริษัท United Mymensingh Power ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ United Group แห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์
รู้จักกับ Contour ให้มากขึ้น
Contour เป็นแพลตฟอร์ม Blockchain ที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรเจคแบบ Open source Corda ที่มีชื่อเสียงที่สุดของกลุ่ม R3 ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน Blockchain ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงิน และธนาคารทั่วโลกในฐานะ World Class Blockchain for Enterprise ประเภท Financial Services โดยระบบดังกล่าวได้เชื่อมต่อสถาบันการเงิน และองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้ากับเครือข่าย “การค้าระหว่างประเทศแบบไม่มีตัวกลาง - Decentralized Trade Finance Network”
Contour ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือจากสถาบันทางการเงินทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ HSBC, ING, Citi, Bangkok Bank, BNP Paribas, Standard Chartered, SEB และ CTBC ซึ่งการพัฒนาแพลตฟอร์มตัวดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลางปี 2017 ในนาม “Voltron” ก่อนการทดสอบเปิดตัวแพลตฟอร์มในปีถัดมา
การทดสอบ Contour จากหน่วยงานกว่า 80 แห่งที่กระจายไปยัง 17 ประเทศทำให้เกิดการเปิดตัวบริการเชิงพาณิชย์เมื่อต้นปี 2020 โดยแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จจากการทดลองเมื่อ 1 เดือนที่แล้วก่อนการเปิดตัว
นอกจากนี้ Contour ยังถูกใช้ในการซื้อแร่เหล็กนำเข้ากว่า 176,000 รายการระหว่างประเทศมาเลเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ทางธนาคารธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank - ADB) ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ยังใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวในการให้บริการ Letter of Credit ระหว่างสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ ราชอาณาจักรไทยเป็นครั้งแรก
สร้างมิติใหม่ของการทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ผู้ให้บริการการชำระเงินระดับโลกอย่าง SWIFT ออกมาคาดการณ์ว่าธุรกิจการทำธุรกรรม Letter of Credit ในบังกลาเทศ หรือ LCs นั้นมีมูลค่ามากกว่า 34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจในประเทศ
กรรมการผู้จัดการอย่าง Mahbub ur Rahman ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงแห่ง HSBC สาขาสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ได้อธิบายว่าการทำธุรการรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคาร “ในการสนับสนุนการพัฒนาบริการด้านการค้าระหว่างประเทศโดยภาคธุรกิจภายในบังกลาเทศผ่านการใช้งานแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทันสมัย”
“ผมเชื่อว่าการให้บริการดังกล่าวจะนำไปสู่การกำหนดทิศทางการให้บริการธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ รวมไปถึงรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงการมีความโปร่งใส, ความปลอดภัย และความรวดเร็วในการดำเนินการผ่านการใช้งานเทคโนโลยี Blockchain”
ทางด้าน Moinuddin Hasan Rashi กรรมการผู้จัดการแห่ง United Group เองก็มองว่า การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้นั้นช่วยลดระยะเวลาในการทำธุรกรรมจากเดิมที่ใช้เวลากว่า 5 ถึง 10 วัน ให้เหลือต่ำกว่า 24 ชม.
“บริการ LCs ของน้ำมันเตานั้นค่อนข้างมีความอ่อนไหวต่อระยะเวลา (Time-Sesitive) อย่างมาก เรียกได้ว่าทุก ๆ วินาทีมีความหมายเลยทีเดียวและพวกเราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยี Blockchain จะเข้ามาช่วยจัดการกับเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยรับประกันถึงสมรรถภาพของการให้บริการที่เพิ่มขึ้น และการจัดการต้นทุนที่ขึ้นอีกเช่นเดียวกัน”