ฮ่องกงอนุมัติ Spot Solana ETF แห่งแรก แซงหน้าสหรัฐอีกครั้ง

ฮ่องกงได้อนุมัติ กองทุน Spot Solana ETF ตัวแรกอย่างเป็นทางการ นับเป็นกองทุน Spot คริปโตลำดับที่สามของเมืองต่อจาก Bitcoin และ Ethereum โดยได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานกำกับหลักทรัพย์ ของฮ่องกง (SFC) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตามรายงานของ Hong Kong Economic Times

กองทุนดังกล่าวมีชื่อว่า China Asset Management (Hong Kong) Solana ETF และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ โดยเปิดให้เทรดทั้งใน สกุลเงินหยวน (RMB) และ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แต่ละหน่วยลงทุนจะประกอบด้วย 100 หุ้น มีมูลค่าขั้นต่ำราว 100 ดอลลาร์สหรัฐ

OSL Exchange จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์เสมือน ส่วน OSL Digital Securities จะเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ ขณะที่ ChinaAMC กำหนดค่าธรรมเนียมการบริหารที่ 0.99% และรวมค่าดูแลทรัพย์สินและค่าบริหารไม่เกิน 1% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนย่อย รวมแล้วมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.99% ต่อปี

ฮ่องกงตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดคริปโต ETF 

ChinaAMC (Hong Kong) เคยสร้างชื่อด้วยการออก Spot Bitcoin ETF และ Spot Ether ETF ตัวแรกของเอเชีย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

การอนุมัติครั้งนี้ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ต่อจาก บราซิลและแคนาดา ซึ่งต่างก็เปิดตัวกองทุน Solana ETF ไปก่อนหน้าแล้ว โดยบราซิลเป็นประเทศแรกที่นำ Solana ETF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ในแคนาดา หน่วยงานกำกับดูแลในรัฐออนแทรีโอก็ได้อนุมัติผู้จัดการสินทรัพย์อย่าง Purpose, Evolve, CI และ 3iQ ให้ออกกองทุนลักษณะเดียวกันในเดือนเมษายน

ล่าสุด คาซัคสถาน ก็ได้เปิดตัวกองทุน Fonte Bitcoin ETF (BETF) ซึ่งถือเป็น Spot Bitcoin ETF ตัวแรกของประเทศ โดยมี BitGo เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์อย่างเป็นทางการ

ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังคงตามหลังตลาดโลก โดยยังไม่มีการอนุมัติหรือเปิดตัวกองทุน Spot Solana ETF อย่างเป็นทางการแม้แต่รายเดียว

Bitwise มอง Solana คือ “วอลล์สตรีทแห่งใหม่”

Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise กล่าวว่าระบบนิเวศของ Solana กำลังจะกลายเป็น “เครือข่ายหลักของวอลล์สตรีท” สำหรับการออก Stablecoin และสินทรัพย์โทเค็นในโลกจริง (RWA)

Hougan อธิบายว่า นักลงทุนสถาบันมองว่า Bitcoin ยังเป็นสินทรัพย์เชิงนามธรรมมากเกินไป แต่ Solana มีศักยภาพสูงในเชิงเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้าน ความเร็ว ปริมาณธุรกรรมต่อวินาที และการยืนยันธุรกรรมที่รวดเร็ว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานระดับองค์กรในภาคการเงินแบบดั้งเดิม

อ้างอิง : Cointelegraph