เฮดจ์ฟันด์แอบซื้อ Bitcoin ไว้ก่อนหวังแตะยอดพันล้านดอลลาร์ในปีหน้า
One River Asset Management ลงเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์หวังลดความเสี่ยงพากองทุนพ้นวิกฤติค่าเงินในอนาคตด้วย Bitcoin
One River Asset Management ลงเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์หวังลดความเสี่ยงพากองทุนพ้นวิกฤติค่าเงินในอนาคตด้วย Bitcoin
กระแสขาขึ้นคอนเฟิร์มแล้ว
อย่างที่เห็นในช่วงเย็นของวันพุธที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งราคาเหรียญคริปโตทั้งตลาด นำโดยเหรียญอันดับหนึ่งอย่าง Bitcoin พุ่งแตะราคาสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีราคาสูงสุดที่ 20,899 ดอลลาร์หรือราวๆ 620,000 บาทตามราคาการซื้อขายบนเว็บเทรดสัญชาติไทยอย่าง BitKub ซึ่งเป็นที่ยืนยันแล้วถึงการก้าวขึ้นสู่อีกระดับของวงการสกุลเงินคริปโต โดยล่าสุดได้มีอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับวงการหลังจากที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์เปิดเผยว่าพงกเขาได้ลงทุนในเหรียญดังกล่าวตั้งแต่ในช่วงเดือนก่อนที่ระดับราคา 16,000 ดอลลาร์แล้ว
กองทุนเฮดจ์ฟันด์เผยแอบซื้อ Bitcoin ไว้ก่อนขาขึ้นแล้ว
อ้างอิงจากการรายงานของเว็บไซต์ข่าวต่าวประเทศชื่อดังอย่าง Bloomberg นั้นได้มีการรายงานถึงบทสัมภาษณ์การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์อย่าง One River Asset Management ซึ่งกองทุนรายใหญ่รายหนึ่งในตลาด โดยพวกเขาได้มีการเปิดเผยถึงการปรับการลงทุนของหนึ่งในกองทุนของพวกเขาโดยลงเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 18,000 ล้านบาทจากกองทุนเพื่อเข้าซื้อเหรียญคริปโตอย่าง Bitcoin โดยเงินจำนวนดังกล่าวนั้นคิดเป็นเพียงมูลค่าทรัพย์สินรวมแค่ร้อยละ 2.5 ของพวกเขาเท่านั้น
การลงเงินดังกล่าวมีนัยยะสำคัญเนื่องจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์นั้น หากแปลตรงตัวคือกองทุนที่มีวัตถุประสงค์พิเศษในการ Hedge หรือการป้องกันความเสี่ยง ดังนั้นแล้วกองทุนดังกล่าวจึงเรียกได้ว่าเป็นกองทุนที่ต้องเฟ้นหาการลงทุนที่ในอนาคตนั้นมีท่าทีที่จะเติบโตไปอย่างมั่นคงและสามารถรักษามูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนไว้จากการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวนของตลาดการเงินนั่นเอง
นอกจากนี้ One River Asset Management ยังได้เปิดเผยว่าอีกพวกเขาตั้งเป้าให้มูลค่าที่ลงไปกว่า 600 ล้านดอลลาร์นั้นเติบโตเป็น 1000 ล้านดอลลาร์ได้ในปี 2021 กรณีจะเห็นได้ว่ากองทุนนี้ได้มองว่า Bitcoin นั้นเป็นตัวเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับการป้องกันความเสี่ยง ต่างจากที่เหล่าสถาบันทางการเงินหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ในช่วงปีก่อนหน้ามองว่า Bitcoin นั้นเป็นเครื่องมือสำหรับการปั่นราคาเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการยอมรับในสกุลเงินคริปโตกำลังเติบโตขึ้นอย่างมากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั่นเอง