เหรียญมีม multi-chain Dogeverse ราคาพุ่งขึ้นกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐในรอบพรีเซล ติดตามข้อมูลของ chain travelling เหรียญแรกในโลกและการพรีเซลได้ที่นี่เลย!
Table of contents
บทความนี้จัดทำขึ้น และได้รับการสนับสนุนโดยบุคคลที่สาม
เหรียญมีม เหรียญใหม่กำลังดึงดูดความสนใจของนักลงทุน crypto ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้รูปแบบ multi-chain และการมีมาสคอตที่สะดุดตาและเหมาะสมกัน
ตั้งให้ Dogeverse (DOGEVERSE) คือชุมชนที่ขับเคลื่อนให้โครงการพุ่งขึ้นกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกลุ่มผู้ค้าปลีกในรอบพรีเซลที่ผ่านมา
การขาย Dogeverse รอบพรีเซล เริ่มต้นจากความต้องการเจาะเข้ากลุ่มตลาดผู้ค้าปลีก
Dogeverse ได้เปิดตัวอย่างโดดเด่นในรอบพรีเซล ถึงแม้จะเพิ่งเปิดตัวไปในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่โครงการก็สามารถระดมทุนได้สูงถึง 700,000 ดอลลาร์ต่อวันโดยเฉลี่ย โดยได้จากผู้ซื้อที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถแบบ multi-chain ตั้งแต่ต้น
ด้วยอุปทานคงที่ 2 แสนล้าน โทเค็น และ 15% ที่ได้แบ่งให้กลุ่มผู้ซื้อในรอบพรีเซล ผลที่ได้รับนี้ทำให้ crypto ธีมหมาน้อยนี้ยังคงได้รับความต้องการอย่างล้นหลาม
สิ่งที่น่าสนใจคือการขายล่วงหน้าของ Dogeverse จะเกิดขึ้นในหลายขั้นตอน โดยราคาต่อโทเค็นจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยเมื่อมีการปลดล็อคเหตุการณ์สำคัญใหม่
ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงมองหาหนทางที่จะเข้าร่วมให้เร็วกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงแผนของทีมพัฒนาสำหรับโทเค็นที่จะเปิดตัวบน DEX เมื่อการพรีเซลหน้าได้ข้อสรุปแล้ว
ตามรายการ DEX เหล่านี้ DOGEVERSE จะเข้าสู่ CEX ในที่สุดหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน
สมาชิกของ ช่อง Telegram ของ Dogeverse ต่างรอคอยรายการเหล่านี้อยู่แล้ว โดยเชื่อว่าพวกเขาสามารถเพิ่มการเข้าถึงและการมองเห็นโทเค็นได้
DOGEVERSE ตั้งเป้าที่จะเป็นเหรียญมีมแบบ chain travelling เหรียญแรก
Dogeverse กำลังมองหาวิธีที่จะสร้างความแตกต่างด้วยการเป็น "เครือข่าย doge เหรียญมีมแบบ chain travelling เหรียญแรกในโลก" โปรเจ็กต์นี้ไม่เพียงแค่หยุดที่การใช้งานได้แค่หนึ่ง blockchain แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ปรากฏบน Ethereum, BNB Chain, Polygon, Solana, Avalanche และแม้แต่ Base
วิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานนี้สะท้อนให้เห็นจาก Cosmo the Doge มาสคอตหมาน้อยแสนน่ารักของ Dogeverse
ตามเรื่องเล่าของ Dogeverse นั้น Cosmo เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการ "ไฮเปอร์จัมพ์" ระหว่างเครือข่าย crypto ที่แตกต่างกัน
การให้ DOGEVERSE มีความสามารถแบบ cross-chain แบบเดียวกันจะเปิดประตูให้เข้าถึงได้มากขึ้น ลดแรงเสียดทาน และเพิ่มประโยชน์ใช้สอยในพื้นที่เหรียญมีม ไม่ใช่แค่การไปทุกที่เท่านั้นแต่ยังมีสิ่งจูงใจให้อยากถือ DOGEVERSE อีกด้วย
โทเค็นยังมี staking protocol ที่ช่วยให้ผู้ถือได้รับรางวัลจากการ staking DOGEVERSE บน Ethereum
ในปัจจุบันอัตราผลตอบแทนต่อปีอยู่ที่ประมาณ 530% ตัวเลขนี้ลดลงเนื่องจากมีโทเค็น DOGEVERSE เดิมพันมากขึ้น
ดังนั้น นอกเหนือจากปัจจัยแบบ cross-chain แล้ว ยังมีโมเดลทางเศรษฐกิจที่แท้จริงที่สนับสนุน Dogeverse
ความคลั่งไคล้เหรียญมีม บนเครือข่ายที่ไม่ใช่ ethereum อาจเป็นประโยชน์ต่อ DOGEVERSE
ความสนใจใน Dogeverse กำลังแพร่กระจายไปเกินกว่ายอดพรีเซล
ผู้ติดตามบน Twitterของ Dogeverse เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,400 คนภายในเวลาไม่ถึงสี่วัน เนื่องจากผู้ที่ชื่นชอบเหรียญมีมยึดติดกับแนวคิดที่ทะเยอทะยานนี้
Dogeverse ยังได้รับการแนะนำโดยช่อง YouTube 99Bitcoins ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 700,000 ราย และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นหาก Dogeverse ทำแผนงานได้สำเร็จ
ทีมงานได้จัดทำแผนริเริ่มทางการตลาดเชิงรุก รายการแลกเปลี่ยน และ “แรงจูงใจของชุมชน” และด้วยความคลั่งไคล้เหรียญมีมที่ขยายไปสู่ blockchains เหมือน Solana และ Base ในปี 2024 Dogeverse อาจได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตของโทเค็นที่เปิดตัวบนเครือข่ายที่แตกต่างกันยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จล่าสุดของเหรียญมีมที่ "ไม่มีประโยชน์" เช่น dogwifhat (WIF) และ Book of Meme (BOME) ได้เน้นย้ำถึงความกระหายในการเก็งกำไรอย่างแท้จริง
ไม่ว่า Dogeverse จะทำตามกระแสได้หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ โปรเจ็กต์นี้ได้สร้างความสนใจอย่างมากในชุมชนเหรียญมีมไปแล้ว
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว
