ปริมาณการซื้อขายคริปโตแบบ OTC ในกลุ่มสถาบันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2024 หลังชัยชนะของ Trump และการเปิดตัว Bitcoin ETF
การซื้อขายคริปโตแบบ OTC ในกลุ่มสถาบันเพิ่มขึ้นถึง 106% ในปี 2024 โดยได้รับแรงหนุนจากชัยชนะของ Donald Trump ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความต้องการของกองทุน Spot คริปโต ETF ตามรายงานของ Finery Markets
การซื้อขายคริปโตแบบ OTC ในกลุ่มสถาบันเพิ่มขึ้นถึง 106% ในปี 2024 โดยได้รับแรงหนุนจากชัยชนะของ Donald Trump ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความต้องการของกองทุน Spot คริปโต ETF ตามรายงานของ Finery Markets
ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายคริปโตแบบ Over-the-Counter (OTC) หรือการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้มีการลงทะเบียนในธุรกรรมการแลกเปลี่ยนบนกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตของกลุ่มสถาบันการลงทุน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ข้อมูลจาก Finery Markets บริษัทโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการซื้อขาย OTC ระบุว่า การซื้อขาย Bitcoin, Ethereum และ Stablecoin ปรับตัวเพิ่มขึ้น 80%, 187% และ 191% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายคริปโตแบบ OTC ในกลุ่มสถาบันนี้เกิดขึ้นพร้อมกับชัยชนะของ Trump และจุดยืนที่สนับสนุนคริปโตของรัฐบาลชุดใหม่
“แม้ว่ากฎระเบียบที่ครอบคลุมยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโทของรัฐบาลทรัมป์ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายคริปโทในตลาดสปอตช่วงไตรมาส 4 พุ่งสูงสุดในรอบปี 2024”
โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 ปริมาณการซื้อขายแบบ OTC เพิ่มขึ้นถึง 110% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Finery ระบุว่าเกิดจากการเปิดตัว Bitcoin ETF ที่ “ประสบความสำเร็จ” ในตลาดสหรัฐฯ ขณะที่ไตรมาสที่ใน 1 และ 3 ก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจที่ 80% และ 78% ตามลำดับ
ตลอดปี 2024 ไม่มีเดือนใดเลยที่ปริมาณการซื้อขายคริปโต OTC ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นในตลาดหันมาใช้วิธีการซื้อขายแบบส่วนตัวผ่าน OTC แทนการใช้ตลาดซื้อขายแบบสาธารณะมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของสถาบันในตลาดคริปโต
Finery ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายคริปโตแบบ OTC ในระดับสถาบันส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้นำในวงการการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) เปลี่ยนท่าทีจาก “ความสงสัย” เป็น “การยอมรับ” เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตลอดสิบปี
ข้อมูลปริมาณการซื้อขายคริปโต OTC ดังกล่าวถูกรวบรวมจากการวิเคราะห์การซื้อขายแบบ Spot กว่า 4 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์มของ Finery ในปี 2024 ซึ่งรวมถึงผู้ดูแลสภาพคล่อง (market makers), ผู้ให้บริการชำระเงิน, โบรกเกอร์, โต๊ะซื้อขายแบบ OTC, กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และผู้ให้บริการดูแลสินทรัพย์
แม้ตลาด OTC จะมีลักษณะการซื้อขายที่ค่อนข้างกระจัดกระจายและขาดความโปร่งใสในบางแง่มุม อีกทั้งการรวบรวมข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (decentralized data) ยังทำได้ยากลำบาก แต่จากรายงานการวิเคราะห์ของ Finery ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่าสนใจ โดยปริมาณการซื้อขายของ Altcoin ในตลาด OTC มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด สะท้อนจากส่วนแบ่งของมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 13% ในปี 2023 พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 29% ในปี 2024
Litecoin เป็น Altcoin ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักลงทุนสถาบันในตลาด OTC โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 149% ในปี 2024 ขณะที่ Solana และ XRP ก็มีการเติบโตในปริมาณการซื้อขายเช่นกัน
การซื้อขายแบบ OTC ระหว่างคริปโตกับคริปโต และระหว่างคริปโตกับ Stablecoin ก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น 440% และ 311% ตามลำดับในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Finery รายงานว่าปัจจุบันความต้องการจากนักลงทุนสถาบันยังคงอยู่ในระดับต่ำ
แนวโน้มปี 2025
Finery คาดการณ์ว่า ตลาดซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์ (CEX) ระดับ "tier 2" และ "tier 3" อาจเผชิญปัญหาสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้นในปี 2025 อันเป็นผลจากกฎระเบียบ MiCA ของสหภาพยุโรป ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องมองหาโมเดลธุรกิจแบบโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ หรือหาทางเลือกอื่นในการเพิ่มสภาพคล่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ในขณะเดียวกัน การสนับสนุนคริปโตของรัฐบาล Trump อาจช่วยผลักดันการยอมรับคริปโตในกลุ่มสถาบันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin ของสหรัฐฯ อาจกระตุ้นให้เกิด “การเปลี่ยนแปลงระดับโลก” เมื่อประเทศและบริษัทต่างๆ เลิกใช้กลยุทธ์ "ไม่ลงทุนในคริปโต" Finery กล่าว
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว