ปริมาณการขุดคริปโตในไทยเพิ่มขึ้นหลังจีนสั่งแบน
นักลงทุนรายย่อยในไทยพากันซื้ออุปกรณ์ขุดคริปโต หลังนักขุดชาวจีนเทขายในราคาถูก ส่งผลให้ปริมาณการขุดคริปโตในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนรายย่อยในไทยพากันซื้ออุปกรณ์ขุดคริปโต หลังนักขุดชาวจีนเทขายในราคาถูก ส่งผลให้ปริมาณการขุดคริปโตในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานเมื่อวันพุธที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมาระบุว่าการขุดคริปโตเคอเรนซีในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก หลังผู้ประกอบการชาวไทย และ นักธุรกิจคริปโตได้ใช้ประโยชน์จากการที่สาธารณรัฐประชาชนจีนบังคับใช้กฎหมายครั้งใหญ่ในการแบนคริปโตภายในประเทศอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกันยายน เป็นต้นมา ด้วยการเข้าซื้อเครื่องขุดจากชาวจีนที่จำเป็นต้องยอมกำจัดเครื่องขุดคริปโตทิ้ง และ ขายในราคาที่ถูกลง ซึ่งหนึ่งในนักขุดคริปโตรายหนึ่งอ้างว่าเขาได้ดำเนินการจัดตั้งเครื่องขุดคริปโตขนาดเล็กที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในราคาประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลให้ปริมาณการขุดคริปโตในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ราคาที่ถูกลงทำให้การขุดคริปโตในไทยเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันนายพงศกร พงศ์ทวีนันท์ ผู้ประกอบการรายหนึ่งได้เริ่มเปิดธุรกิจทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ขุดเหรียญคริปโตในประเทศไทย กล่าวว่าทางบริษัทของเขาได้ขายวงจรรวมเฉพาะแอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อขุด Bitcoinโดยเฉพาะจากประเทศจีนอย่าง ASIC ให้กับนักลงทุนรายย่อยในประเทศไปในจำนวนหลายร้อยเครื่องด้วยกัน ซึ่งราคาของ ASICs เช่น Bitmain Antminer SJ19 Pro นั้นได้ร่วงลงมากว่า 30%
นอกจากนี้นาย พงศกรยังเชื่อว่าความนิยมที่เพิ่มขึ้นจากการขุดคริปโตสำหรับนักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นจากการที่ผู้คนกำลังมองหาแนวทางที่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับพวกเขา เช่นเดียวกันกับ เหล่านักลงทุนที่ต่างก็พยายามมองข้อดีที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะสามารถให้ได้ในอนาคต
กระแสการยอมรับคริปโตในไทยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความนิยมจากการขุดคริปโตที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับกระแสการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลในประเทศ จะเห็นได้จากผลประกอบการของแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตที่เพิ่มขึ้นมาถึง 6.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน ปี 2021 จากมูลค่า 538 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว
ความต้องการของสถาบันการเงินที่มีต่อคริปโตในไทยนั้นก็เพิ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท Bitkub แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตอันดับ 1 ในไทยด้วยสัดส่วน 51% คิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 537 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงประเทศเดียวที่กำลังพัฒนาเหมืองคริปโต และ ได้รับประโยชน์จากการหาทางออกของเหล่านักขุดชาวจีน หลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา, คาซัคสถาน และ รัสเซียต่างก็มีอัตราการขุดคริปโตจากบริษัทหน้าใหม่หลั่งไลเพิ่มเข้ามาจำนวนมาก