Coinbase ซื้อ FairX พร้อมเปิดบริการเทรดอนุพันธ์

แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และ ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกด้วยปริมาณการซื้อขายภายใน 24 ชั่วโมง อย่าง Coinbase ซื้อ FairX หรือ Designated Contract Market (DCM) ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายใหม่ ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ที่เพิ่งเปิดตัวไปในเดือนพฤษภาคน ปี 2021 เพื่อขยายกิจการเข้าสู่ตลาดอนุพันธ์อย่างเต็มตัว โดยก่อนหน้านี้ FairX ได้มีโอกาสร่วมงานกับองค์กรนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่าง TD Ameritrade และ E*Trade รวมไปถึงบริษัทกว่า 18 แห่ง

ตราสารอนุพันธ์คืออะไร?

ตราสารอนุพันธ์ (Derivative) คือการซื้อขายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ที่มูลค่าของตราสารจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินของสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ได้มีค่าจากกระแสเงินของตัวตราสารเองโดยตรง ซึ่งตราสารอนุพันธ์นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ Forward, Futures, Swap และ Option ทั้งนี้อนุพันธ์ประเภท Future นั้นนับเป็นตราสารที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดประเภทหนึ่งในปัจจุบัน

จากข้อมูลของ CoinGecko ชี้ให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์คริปโตนั้นสร้างกำไรได้มากถึง 137 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 24 ชั่วโมงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าปริมาณการซื้อขายในตลาด Spot ราว 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน

Coinbase ซื้อ FairX หวังเอื้อให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น

Cionbase ประกาศแถลงการณ์ในวันที่ 13 มกราคม ระบุว่าองค์กรได้วางแผนเปิดให้บริการการซื้อขายอนุพันธ์คริปโตให้แก่ลูกค้าของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา หวังให้ลูกค้ารายย่อยขององค์กรสามารถเข้าถึงตลาดอนุพันธ์ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ทางแพลตฟอร์มคริปโตยังได้ออกมากล่าวเสริมว่าการเพิ่มตลาดอนุพันธ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริการจะช่วยสร้างประโยชน์ต่อนักลงทุนบนแพลตฟอร์มได้สูงที่สุด

“การสร้างตลาดอนุพันธ์ที่โปร่งใสจะช่วยปลดล็อกให้นักลงทุนรายย่อย และ สถาบันเข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจคริปโตมากขึ้น”

นอกจากนี้ Coinbase ยังได้ระบุถึงความสำคัญต่อการสร้าง และ ดูแลตลาดอนุพันธ์ให้มีสภาพคล่อง และ ความโปร่งใสถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับสินทรัพย์ทุกประเภท

บริการเทรดอนุพันธ์จะทำให้ Coinbase กลายเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำ

ข้อมูลจาก BusinessofApps บ่งชี้ว่าการที่ Coinbase ตัดสินใจเปิดตัวตลาดอนุพันธ์คริปโตได้ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มในการกลายเป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนอันดับต้น ๆ ในอุตสาหกรรมทันที เนื่องด้วยองค์กรรายใหญ่มีจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด 56 ล้านราย นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานอีก 8.8 ล้านรายที่ได้ทำการซื้ขายบนแพลตฟอร์มอย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน แต่ในขณะเดียวกันทางแพลตฟอร์มก็ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งรายสำคัญในตลาดแลกเปลี่ยนอนุพันธ์คริปโตจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Binance, FTX, Bybit และ OKEx