Cloudflare ใช้ Ethereum พัฒนาบริการให้ดีขึ้น
หลังความนิยมในตัว PoS เริ่มแพร่กระจายเข้าไปสู่เครือข่ายต่าง ๆ ส่งผลให้ทาง Cloudflare ตัดสินใจหันมาใช้ Ethereum เพื่อพัฒนาบริการองค์กรให้ดีขึ้น
หลังความนิยมในตัว PoS เริ่มแพร่กระจายเข้าไปสู่เครือข่ายต่าง ๆ ส่งผลให้ทาง Cloudflare ตัดสินใจหันมาใช้ Ethereum เพื่อพัฒนาบริการองค์กรให้ดีขึ้น
หลังจากที่ Ethereum ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้อัลกอริธึมแบบ Proof-of-stake (PoS) ในช่วงก่อนหน้านี้ ได้ส่งผลทำให้ทางองค์กรรักษาความปลอดภัยรายใหญ่อย่าง Cloudflare หันมาให้ความสนใจกับอัลกอริธึมดังกล่าว ก่อนลุยเดินตามแผนใช้ Ethereum พัฒนาบริการในเดือนหน้าด้วยเช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ยังได้เผยถึงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นศึกษาแนวทางการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ผ่านการจัดการระบบที่ต่อเนื่อง และการพัฒนาความเร็วของเครือข่ายที่ทำงานบนอัลกอริธึม PoS เพื่อส่งเสริมการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม ก่อนจะนำมาปรับใช้ในการพัฒนาอินเทอร์เน็ตต่อไป
Cloudflare คือใคร?
Cloudflare ถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2010 ในฐานะผู้ให้บริการระบบ Network รายใหญ่ที่สุดในโลก ที่อนุญาตให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเข้าใช้งานระบบได้ฟรี พร้อมทั้งยังช่วยรักษาความปลอดภัย และเพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งผลงานที่โดดเด่นของบริษัทในช่วงที่ผ่านมานั้นก็คือระบบป้องกันการโจมตีด้วยวิธี Distributed Denial of Service (DDoS) หรือ การโจมตีในหลากหลายรูปแบบจนทำให้เครือข่ายล่ม และขัดข้อง เป็นต้น
การใช้ Ethereum พัฒนาอินเทอร์เน็ตช่วย Cloudflare ได้อย่างไร?
ปัจจุบัน การพัฒนาเครือข่ายกำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาเปลี่ยนจากระดับ Merge เดิมไปสู่การเลือกใช้กลไกฉันทามติใหม่ในรูปแบบ PoS ที่ถูกกำหนดให้เริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาสที่ 3 หรือ ช่วงต้นของไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้ ทาง Cloudflare จึงได้เล็งเห็นว่าการพัฒนากลไกอัลกอริธึมครั้งใหญ่ข้างต้นจะสามารถนำพาไปสู่การปรับปรุงแนวทางการนำพลังงานมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพบนเครือข่ายได้ ซึ่งตามคำแถลงการณ์ที่ถูกเผยแพร่บน Blog ขององค์กร ได้ระบุไว้ว่าทาง Cloudflare จะเริ่มเปิดตัว และทำการ Stake โหนดตรวจสอบของ Ethereum ไว้กับโทเคนจำนวน 32 Ether (ETH) ต่อ 1 โหนด ตามที่ได้ระบุไว้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยมีใจความดังนี้
“Cloudflare กำลังจะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการวิจัย และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักที่จะช่วยให้ Ethereum ปลอดภัย, รวดเร็ว และประหยัดพลังงานให้กับผู้ใช้งานทุกคนได้มากขึ้น นอกจากนี้ โหนดเหล่านั้นยังจะเข้ามาทำหน้าที่ช่วยทดสอบการวิจัยการนำพลังงานมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการจัดการระบบ และความรวดเร็วของเครือข่ายที่ต่อเนื่องด้วยเช่นเดียวกัน”
แม้ว่ารายละเอียดทุกอย่างจะถูกกำหนด และชี้แจงออกมาแล้วก็ตาม แต่ทว่าปัจจุบันทางบริษัทก็ยังไม่ได้ระบุว่าจำเป็นจะต้องใช้โหนดทั้งหมดกี่ตัว หรือ กำหนดการต่าง ๆ แต่อย่างใด
PoS ตอบโจทย์ Cloudflare มากกว่า
นอกจากนี้ ทาง Cloudflare ยังมองว่าอัลกอริธึม PoW ตัวเดิมนั้นไม่ค่อยเหมาะสมที่จะนำมาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่เท่าไรนัก นอกจากนี้ อัลกอริธึมดังกล่าวยังไม่สามารถที่จะตอบโจทย์เจตนารมณ์ขององค์กร ที่มุ่งมั่น และตั้งใจศึกษาแนวทางการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการนำพลังงานมาใช้ผลิต Web3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้อัลกอริธึม PoS นั้นจะสามารถช่วยเหลือทาง Cloudflare ได้มากกว่า รวมไปถึงยังช่วยขยายขีดจำกัดของเครือข่าย Web3 ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นได้อีกด้วย