เงินหยวนอ่อนค่า หนุนกระแสเงินทุนจีนไหลสู่ Bitcoin อีกระลอก — CEO Bybit มองเป็นสัญญาณขาขึ้น
Ben Zhou CEO ของกระดานเทรดคริปโต Bybit ชี้ เงินหยวนที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องอาจกลายเป็นแรงผลักสำคัญให้ทุนจีนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับรัฐ และอาจกลายเป็นตัวเร่งขาขึ้นระลอกใหม่ของตลาด

Ben Zhou CEO ของกระดานเทรดคริปโต Bybit ชี้ เงินหยวนที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องอาจกลายเป็นแรงผลักสำคัญให้ทุนจีนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับรัฐ และอาจกลายเป็นตัวเร่งขาขึ้นระลอกใหม่ของตลาด
เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2023 ท่ามกลางฉากหลังของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 104%
“ความคาดหวังว่าจีนจะต้องลดค่าเงินเพื่อรับมือกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และแรงกดดันนี้คงไม่หมดไปง่ายๆ” Ju Wang หัวหน้าฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนประจำจีนแผ่นดินใหญ่ของ BNP Paribas หนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ให้สัมภาษณ์กับ Reuters
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความเห็นของ Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้งกระดานเทรด BitMEX ซึ่งระบุว่าหากธนาคารกลางจีน (PBOC) ตัดสินใจลดค่าเงินหยวนจริง ก็มีแนวโน้มสูงที่กระแสเงินทุนจีนจะเคลื่อนย้ายเข้าสู่ Bitcoin และสินทรัพย์ที่มีลักษณะ “ผลิตเพิ่มไม่ได้” (hard assets) ซึ่งอาจจุดชนวนให้ตลาดคริปโตกลับเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิง
Ben Zhou CEO ของ Bybit เห็นตรงกัน โดยอธิบายว่า จีนจะปล่อยให้เงินหยวนอ่อนตัวลงเพื่อตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งนั่นหมายถึง “เงินทุนจีนจำนวนมากจะไหลเข้าสู่ Bitcoin และถือเป็นสัญญาณบวกอย่างยิ่งสำหรับ BTC”
Bybit ซึ่งปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีปริมาณซื้อขายสูงเป็นอันดับสองของโลก เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์สายอนุพันธ์ แม้ทางบริษัทจะยืนยันว่าไม่อนุญาตให้เทรดด้วยเงินหยวนโดยตรง แต่ก็เปิดให้ผู้ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ VPN ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ตลาดการเงินปั่นป่วน ท่ามกลางแรงกดดันสงครามการค้า
ความผันผวนของค่าเงินกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก โดยนอกจากเงินหยวนแล้ว ดัชนี DXY ซึ่งวัดค่าดอลลาร์สหรัฐเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล ก็อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
Brent Donnelly ประธาน Spectra FX Solutions เตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับ “ความผันผวนที่บ้าคลั่ง” ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ Julien Bittel หัวหน้าฝ่ายวิจัยมหภาคของ Global Macro Investor ชี้ว่า การร่วงลงของดัชนี DXY ระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม ถือเป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
แม้ Bitcoin จะเคลื่อนไหวแตกต่างจากตลาดทุนในบางช่วงเวลา แต่ในทางสถิติ ราคาของ Bitcoin มักมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ กล่าวคือ เมื่อตัวดอลลาร์อ่อนค่า ราคาของ BTC มักจะปรับตัวสูงขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น BTC มักจะเผชิญแรงกดดัน
หากแนวโน้มการอ่อนค่าของทั้งหยวนและดอลลาร์ยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ อาจเป็นจังหวะที่ทำให้ Bitcoin กลับมาเป็นศูนย์กลางความสนใจในฐานะเครื่องมือรักษามูลค่า และทางเลือกนอกระบบการเงินแบบดั้งเดิมอีกครั้ง
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว