ประชาชนไนจีเรียยังไม่ยอมแพ้ แม้รัฐฯคุมเข้มห้ามเทรดคริปโต
ธนาคารกลางประเทศไนจีเรียออกคำสั่งห้ามธนาคารให้บริการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต แต่อาจถูกโต้กลับจากประชาชน
ธนาคารกลางประเทศไนจีเรียออกคำสั่งห้ามธนาคารให้บริการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต แต่อาจถูกโต้กลับจากประชาชน
ประตูบานสุดท้ายถูกปิดตาย
แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ประเทศในจีเรียได้มีข่าวถึงการเตรียมร่างกฎหมายเกี่ยวกับคริปโตขึ้นซึ่งเป็นเหมือนการสร้างความชัดเจนให้อีกหนึ่งประเทศในทวีปแอฟริกาสำหรับการใช้งานสกุลเงินคริปโตและแก้ปัญหาทางการเงินอของปลุ่มประเทศในทวีปดังกล่าว แต่ล่าสุดในช่วงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาการเตียมการดังกล่าวได้สะดุดลงจากการที่ธนาคารกลางของประเทศได้แถลงต่อสาธารณะชนถึงการห้ามธนาคารพาณิชย์เกี่ยวข้องให้บริการแก่กิจกรรมด้านคริปโต
ธนาคารกลางแบนคริปโต
ในการมีคำสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์ให้บริการแก่กิจกรรมหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต ตลอดจนการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยในการทำธุรกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตนั้น ทางธนาคารกลางได้ให้เหตุผลว่าสกุลเงินคริปโตที่เกิดขึ้นนั้นถูกผลิต/ออกโดยกลุ่มคนหรือองค์กรที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลจากรัฐซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายเนเงินตราของประเทศ
นอกจากนั้น ธนาคารกลางยังได้ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าสกุลเงินคริปโตนั้นเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมในการใช้ดำเนินกิจกรรมนอกกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งเหล่าธนาคารพาณิชย์ที่แบกชื่อเสียงของตนเอาไว้นั้นจะต้องเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานสกุลเงินคริปโตในวงกว้าง
ธนาคารกลางยังได้กล่าวถึงเหตุผลที่สำคัญที่สุดในการห้ามยุ่งเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโต คือสกุลเงินคริปโตบางประเภทนั้นถูกใช้งานเป็นสินทรัพย์สำหรับการเก็งกำไรมากกว่าจะเป็นแค่สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น Bitcoin ซึ่งมีความผันผวนทางมูลค่าที่สูง เมื่อนำมาพิจารณาประกอบกับกลุ่มบุคคลหรือองค์กรในตลาดซึ่งบางส่วนไม่ได้รับการกำกับดูแลและมีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายแล้ว เห็นได้ว่ากรณีเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินที่มีความละเอียดอ่อนอย่างมาก
ความเห็นต่อคำสั่งและเหตุผลของธนาคารกลาง
จากการให้เหตุผลตามที่ได้สรุปไว้ข้างต้น จะเห็นได้ชัดเจนว่าธนาคารกลางของประเทศไนจีเรียยังขาดความรู้ความเข้าใจต่อตลาดสกุลเงินคริปโตในภาพรวม รวมถึงนวัตกรรมที่มาพร้อมกับการพัฒนาของวงการคริปโตอยู่ อีกทั้งยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกรณียิ่งเป็นการจำเป็นมากสำหรับกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาที่การเข้าถึงบริการทางการเงินนั้นยังจำกัดอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธนาคารกลางรวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจะมีนโยบายห้ามดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าประชาชนจะไม่ด้วยและลุกขึ้นต่อต้านคำสั่งเหล่านี้ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงการประท้วงการก่อตั้งกลุ่มตำรวมพิเศษสำหรับกำกับกิจกรรมทางการเงินบนท้องถนนในที่สุดกลุ่มตำรวจดังกล่าวนั้นต้องถูกยุบไป ซึ่งกรณีอาจเกิดขึ้นได้กับกรณีของคำสั่งแบนคริปโตครั้งนี้ได้นั่นเอง