Buterin เผยแผนพัฒนา Eth2 คืบหน้าไปได้ 50% แล้ว
ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เผยแผนพัฒนา Eth2 จนครบ 5 ขั้นตอนให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 6 ปี
ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เผยแผนพัฒนา Eth2 จนครบ 5 ขั้นตอนให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 6 ปี
Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum อธิบายถึงแผนพัฒนา Eth2 ทั้งหมด 5 ขั้นตอนผ่านรายการพอดแคสต์ Bankless พร้อมทั้งระบุว่าการจะสร้างให้เครือข่ายสามารถปรับขนาด และ กระจายอำนาจให้เสร็จสมบูรณ์ได้นั้น Ethereum จำเป็นต้องมีความคล่องตัวมากขึ้น และ มี Blockchain Data ที่น้อยกว่านี้เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้ามาจัดการ และ ใช้งานผ่านเครือข่ายได้จริง
แผนพัฒนา Eth2 ทั้ง 5 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรกคือการ Merge หมายถึงการเปลี่ยนถ่ายจากอัลกอริทึมในรูปแบบ Proof-of-Work มาเป็น Proof-of-Stake โดยสมบูรณ์ ซึ่งทางองค์กรเล็งดำเนินการพัฒนาขั้นตอนนี้ให้แล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรก ต่อมาในขั้นตอนที่ 2 จะถูกเรียกว่า Surge หรือ การวางแผนที่จะทำให้ Ethereum สามารถยืดหยุ่นได้มากยิ่งขึ้น และ เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Zk-Rollup ที่จะสามารถแก้ไขความแออัดบนเครือข่ายได้ หากดำเนินการทั้ง 2 ขั้นตอนดังกล่าวสำเร็จ และ ทำให้เครือข่ายสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้มากขึ้น (Sharding) แผนพัฒนาจะคืบหน้าไปได้กว่า 80% พร้อมกันนี้เขายังได้ออกมาเผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนาเครือข่ายว่า
“ขณะนี้เราได้ดำเนินการพัฒนาไปแล้วมากว่า 50% ต้องขอขอบคุณการเปิดตัว Beacon chain, การแยกเครือข่ายบล็อกเชนใหม่ออกจากเครือข่ายเดิม (London Hard Fork) และ ปริมาณ NFT ที่เพิ่มขึ้น แต่เรายังคงเหลือหลายสิ่งที่ต้องทำต่อไป”
ขั้นตอนต่อไปก็คือการเปิดให้ผู้ใช้งานจำนวนมากสามารถใช้โหนด และ ทำให้เข้าถึงระบบได้อย่างเป็นธรรมมากที่สุดแก่ทุกคนที่ต้องการจะตรวจสอบความถูกต้องบน Chain หลังจากนั้นจะดำเนินไปสู่ขั้นตอนของการ Purge และ Splurge หรือ การกำจัดข้อมูลในอดีต และ เพิ่มการอัปเกรดอื่น ๆ เข้าไปตามลำดับ โดยในส่วนขั้นตอนที่เหลือข้างต้นนี้คาดว่าจะใช้เวลาอีก 6 ปีในการพัฒนาเพื่อให้เครือข่ายเสร็จสมบูรณ์ 100% นอกจากนี้ Buterin ยังได้ย้ำชัดว่าแผนการพัฒนา Eth 2 จะไม่ยอมสูญเสียระบบการกระจายอำนาจเพื่อให้เครือข่ายสามารถปรับขนาดเครือข่ายได้อย่างแน่นอน
มาตรการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย
นอกจากความสามารถในการปรับขนาดแล้ว ยังคงมีอีกประเด็นหนึ่งที่ Buterin ได้เน้นย้ำ นั่นก็คือความปลอดภัย โดยเขาเปรียบเทียบการสร้าง Blockchain กับ การพัฒนาเมือง ๆ หนึ่งที่มีเพียงแค่ตำรวจ และ ทหารที่ทำหน้าที่ป้องกันเมือง ดังนั้นผู้ใช้บล็อกเชนก็จะทำหน้าที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัย และ คอยระมัดระวังผู้บุกรุกให้แก่กันและกัน ดังนั้นหากจำนวนบล็อกในเครือข่ายเยอะขึ้น มาตรการรักษาความปลอดภัยก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
Buterin อ้างว่าเมื่อ Ethereum มีความสามารถมากพอที่จะเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่าย และ เพิ่มฐานลูกค้าได้มากขึ้นก็จะยิ่งทำให้ระบบมีผู้คุ้มกันเพิ่มขึ้น รวมไปถึงสามารถใช้โหนด และ ตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างได้ดีขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน