Bukele ฟาด Reuters ยับ หลังปล่อยข่าวปลอม

เมื่อวันพุธที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีแห่งเอลซัลวาดอร์ Nayib Bukele ฟาด Reuters เพื่อโต้ตอบการเผยแพร่ข่าวปลอมของทางสำนักข่าวชื่อดังที่อ้างว่า Changpeng Zhao (CZ) ซีอีโอ Binance กำลังเร่งเดินทางมาให้ความช่วยเหลือเอลซัลวาดอร์ ในการผลิตพันธบัตร Bitcoin พร้อมเตือนให้ผู้ติดตามของเขากว่า 3.6 ล้านรายไม่ให้กระจายข้อมูลดังกล่าวออกไป

เอลซัลวาดอร์เลื่อนกำหนดการ Volcano Bond ออกไปจริง

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ออกมาแถลงการณ์เลื่อนการออกพันธบัตร Bitcoin ออกไปก่อน เนื่องจากสภาพตลาดที่ยังคงไม่เอื้ออำนวยให้กับโปรเจกต์ชิ้นนี้ รวมไปถึงวิกฤตทางการเมืองที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในปัจจุบัน โดย Alejandro Zelaya รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ออกมากล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ภายในประเทศ ระบุว่าเดิมทีทางรัฐบาลวางแผนที่จะเปิดตัวโปรเจกต์นี้ในช่วงเดือนมีนาคม แต่ทว่า ความผันผวนของราคา Bitcoin ได้จุดชนวนขึ้นจากวิกฤตทางการเมืองระหว่างรัสเซีย และยูเครน จึงส่งผลให้ทางรัฐบาลมีมติเลื่อนกำหนดการออกไปก่อน เพื่อเฝ้ารอจังหวะที่ตลาดจะกลับมาอยู่ในสถานะที่ดีอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าทุก ๆ อย่างอาจแล้วเสร็จได้ภายในเดือนกันยายน

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Volcano Bond เกิดความล่าช้า

หลังจากข่าวลวงจาก Reuters ได้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ Bukele จำเป็นต้องออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการซื้อขาย Volcano Bond ออกไปว่าเป็นปัญหาทางด้านกฎหมายที่เกิดขึ้นจากสภาคองเกรส และตามที่ข่าวได้มีการระบุว่าเขานัดเจอกับ CZ นั้น ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโปรเจกต์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย ซึ่ง ณ ขณะนั้น Bukele ยอมรับว่ากำลังหารือร่วมกับซีอีโอ Binance จริง แต่ทว่าเป็นการพูดคุยกันถึงประเด็นอื่น ๆ

ทบทวนความจำเกี่ยวกับ Volcano Bond กันสักนิด

โปรเจกต์พันธบัตร Bitcoin (BTC) หรือ ในอีกชื่อหนึ่ง Volcano Bond เป็นโปรเจกต์ที่ทางเอลซัลวาดอร์เป็นผู้คิดค้นขึ้น เพื่อนำมาใช้เป็นช่องทางในการรวบรวมเงินสำรองในรูปแบบของ Bitcoin ให้ได้ในจำนวนที่มากขึ้น และยังสามารถนำมาใช้เป็นเงินทุนในการสร้าง Bitcoin City ที่ได้เปิดตัวไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2021 ทั้งนี้ รายได้จากการจัดจำหน่ายพันธบัตร Bitcoin มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐถูกคาดการณ์ว่าจะนำเงินทุนจำนวนครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดมาใช้ก่อสร้าง Bitcoin City ที่เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการอุทิศให้กับสกุลเงินดิจิทัล และเทคโนโลยี Blockchain ทั้งหมดบนโลก ซึ่งเงินทุนในส่วนที่เหลืออีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะนำไปใช้เพื่อลงทุนใน Bitcoin ต่อไป

ความพิเศษของ Bitcoin City นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่พันธบัตร Bitcoin ธรรมดา แต่ทว่า ทางรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้เตรียมที่จะนำพลังงานความร้อนใต้พิภพจากภูเขาไฟที่ใกล้เคียงเข้ามาใช้เป็นพลังงานในการขุด Bitcoin และจัดทำโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอีกด้วย ทั้งนี้เอลซัลวาดอร์ยังได้รับแรงสนับสนุนจากพันธมิตรรายใหญ่อย่าง Paolo Ardoino ซีทีโอแห่ง Binance และ Adam Back จาก Blockstream ในการเข้ามาทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มหลักทรัพย์ออกพันธบัตร Bitcoin นั่นเอง โดย Bukele ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า

“เร็ว ๆ นี้แพลตฟอร์มดังกล่าวจะกลายเป็นบ้านสำหรับประชาชนในประเทศ และชาวต่างชาติที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากที่ต้องการร่วมมือกันพัฒนากฎระเบียบในอุตสาหกรรมดังกล่าวครั้งใหม่ให้กับประเทศ ซึ่งเอลซัลวาดอร์, Bitfinex และ Blockstream จะร่วมสร้างมันไปพร้อม ๆ กัน”

พันธมิตร Volcano Bond ช่วย Bukele ฟาด Reuters

เพื่อสยบข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง Bukele ยังได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนอีกครั้งว่า Bitfinex ได้ถูกรับเลือกให้เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบการออก Volcano Bond ให้กับประเทศ ซึ่งทางด้าน Paolo Ardoino ซีทีโอแห่ง Bitfinex เองก็ได้ออกมาช่วยยืนยันคำพูดของ Bukele พร้อมเผยสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการออกพันธบัตร เนื่องจากขั้นตอนการพิจารณาทางกฎหมายการออกพันธบัตร ที่จำเป็นจะต้องผ่านการตรวจสอบจากสภาคองเกรสอีกทีหนึ่ง

นอกจากนี้ Samson Mow อดีตผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์แห่ง Blockstream หรือ หุ้นส่วนโปรเจกต์พันธบัตร Bitcoin ก็ได้ออกมาร่วมยืนยันผ่านทวิตเตอร์ของเขาว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแน่นอนเช่นเดียวกัน

Bukele ต่อว่ารัฐบาลมะกันเพิ่มอีกราย

3 ชั่วโมงหลังจาก Bukele ตัดสินใจโจมตีสำนักข่าว Reuters ไปแล้วนั้น เขาก็ได้กลับมาโพสต์ตำหนิรัฐบาลสหรัฐอเมริกาผ่านทวิตเตอร์ของเขาอีกครั้ง เพื่อตอบโต้ร่างกฎหมายที่เพ่งเล็งจะจำกัดการเข้าใช้งานระบบการเงินในเอลซัลวาดอร์ของชาวอเมริกันลง หลังจากเอลซัลวาดอร์ได้ออกกฎหมายรองรับให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม Bukele ระบุว่า

“ผมไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะกลัวสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ … ซึ่งการกระทำเหล่านี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาไม่ได้ยืนหยัดเคียงข้างอิสรภาพ”