General

ธปท. เล็งตีกรอบคุมคริปโตอย่างจริงจังในปี 2022

S  81108996 728x486 1.jpg

ธปท. เล็งตีกรอบคุมคริปโต เช่น Bitcoin (BTC) อย่างเข้มงวดผ่านนโยบายใหม่ เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และ เพิ่มวิธีคุ้มครองนักลงทุนในประเทศให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เล็งตีกรอบคุมคริปโตด้วยการเตรียมออกเอกสารให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ “Financial Landscape” ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นนโยบายควบคุมดูแลอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล, green finance และ อุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในเดือนมกราคม ปี 2022 โดยนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท.ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่าน Bangkok Post เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ระบุว่า

“ทางธปท.ต้องการออกนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมเทคโนโลยี, การเข้าถึงบริการด้านการเงิน และ การจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังช่วยคุ้มครองผู้บริโภคจากความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงได้อีกด้วย”

นอกจากนี้ทางธนาคารกลางยังได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ กระทรวงการคลัง ในการกำหนดกรอบนโยบายควบคุมอุตสาหกรรมคริปโตให้เป็นไปตามที่ธนาคารคาดการณ์เอาไว้ เช่น หน่วยงานต่าง ๆ จะไม่สามารถนำสกุลเงินดิจิทัลใช้ในการชำระเงินได้ เป็นต้น

ธปท. เล็งตีกรอบคุมคริปโตเนื่องจากมีความผันผวน และ ความเสี่ยงสูง

ธปท. เล็งตีกรอบคุมคริปโตอย่างจริงจังในปี 2022

ผู้ว่าการธปท.ย้ำว่าแม้หน่วยงานรัฐฯมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนก็ตาม แต่ความผันผวนของคริปโตนั้นยังคงมีความเสี่ยงต่อระบบการเงินค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากเมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ทางธนาคารกลางได้ออกมาเตือนธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศให้ระมัดระวังการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง โดยอ้างถึงความผันผวนที่สูง และ ความเสี่ยงที่อาจตามมาในภายหลัง จึงทำให้ปัจจุบันทางธนาคาร และ ก.ล.ต. ได้ร่วมมือกันเตรียมรับมือ และ หาแนวทางป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเป็นที่เรียบร้อย

ธปท.เล็งทดลอง CBDC ในปีหน้า หลังนักลงทุนให้ความสนใจคริปโตมากขึ้น

ความเร่งรีบของธนาคารกลางไทยต่อการออกนโยบายเพื่อใช้ควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่กระแสความต้องการของประชาชนในประเทศที่มีต่อคริปโตเคอเรนซีเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังบรรดานักลงทุนต่างพากันตามหาแนวทางการลงทุนที่จะช่วยให้พวกเขาได้กำไรเพิ่มขึ้นจากเดิม ท่ามกลางสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยต่ำ และ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้จากรายได้ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ทั้ง 7 แห่งในไทยที่เพิ่มจากเดิม 1.8 หมื่นล้านบาทเมื่อต้นปี ขึ้นมาอยู่ที่ 221 แสนล้านบาท หรือ เทียบยเท่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ธปท. เล็งตีกรอบคุมคริปโตอย่างจริงจังในปี 2022

ในขณะเดียวกันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย หรือ CBDC ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้ทดลองใช้ได้ภายในปีหน้านี้ โดยทางธนาคารกลางเผยว่าสกุลเงินดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศได้มากขึ้น โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน

นอกจากนี้นายเศรษฐพุฒิ ยังได้กล่าวเสริมว่าการทดลองใช้บาทดิจิทัลยังสามารถช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน และ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการเงินได้เช่นกัน

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

บทความที่เกี่ยวข้อง

Bybit กลับมาดำเนินการถอนเงินได้ตามปกติ หลังถูกแฮกมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
บราซิลอนุมัติ Spot XRP ETF เป็นครั้งแรก! ขณะธนาคารท้องถิ่นเตรียมเปิดตัว StableCoin บน XRPL
นักวิเคราะห์ เผย! การรับรองคำขอ Spot XRP ETF ของ SEC อาจเร่งให้ XRP พุ่งแตะ $6
นักวิเคราะห์คว้ารางวัลจาก Arkham หลังเป็นผู้ที่่ระบุว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแฮ็ก Bybit มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์