ปริมาณ 'Bitcoin สำรอง' เว็บเทรดสหรัฐฯ หลุดระดับ 50% - สะท้อนตลาดสั่นคลอนหนัก รับวิกฤต SEC
ปริมาณ Bitcoin (BTC) สำรองเว็บเทรดคริปโตสหรัฐฯ ลดลงประวัติการณ์! หลุดระดับ 50% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี สะท้อนอุตสาหกรรมสั่นคลอนหนัก จาก ‘วิกฤต SEC’

ปริมาณ Bitcoin (BTC) สำรองเว็บเทรดคริปโตสหรัฐฯ ลดลงประวัติการณ์! หลุดระดับ 50% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี สะท้อนอุตสาหกรรมสั่นคลอนหนัก จาก ‘วิกฤต SEC’
จากรายงานของ The Block วันที่ 12 มิถุนายน ได้มีการเปิดเผยถึงปริมาณ Bitcoin (BTC) สำรองของเว็บเทรดคริปโตสหรัฐฯ ที่ลดลงต่ำสุดตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 จนเหลือน้อยกว่า 50% เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี สะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อเว็บเทรดคริปโตสหรัฐฯ
โดยปริมาณสินทรัพย์สำรองดังกล่าวก็สะท้อนถึงปริมาณคริปโตที่ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มถือครองอยู่ในบัญชี เพื่อเป็นสภาพคล่องรองรับการซื้อขาย, การถอน หรือโอนคริปโตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
การที่ปริมาณสินทรัพย์สำรองลดลงก็สะท้อนถึงการถอนคริปโตออกจากแพลตฟอร์มที่มากขึ้น สอดคล้องกับประเด็นความไม่มั่นคงทางกฎหมายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ในสหรัฐอเมริกา ที่สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ หรือ SEC ดำเนินการทางกฎหมายกับเว็บเทรดยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงยังมีแผนที่จะอายัดบัญชีของเว็บเทรดอีกเช่นกัน
อ่านข่าวต่อ - Binance US ประกาศให้ลค.ถอนเงิน Fiat ออกทั้งหมด! ก่อนโดนอายัดบัญชีวันที่ 13 มิถุนาฯ - CryptoSiam
นอกจากนี้ยังพบว่าหลายเว็บเทรดคริปโตในสหรัฐฯ จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่เพื่อป้องกันตนเองจาก SEC อย่างเช่น Binance US ที่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองเป็นเว็บเทรดแบบ 'Crypto-only' หรือ Crypto.com ที่ยุติการให้บริการสำหรับสถาบันเป็นที่เรียบร้อย
ที่มา: The Block
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว