Mike Novogratz เตือน หาก Bitcoin แตะ $1 ล้านในปี 2026 อาจไม่ใช่ชัยชนะ แต่คือสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐมีปัญหาหนัก

Mike Novogratz ผู้บริหารของ Galaxy Digital กล่าวในพอดแคสต์ Coin Stories เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า หาก Bitcoin ขึ้นไปแตะ $1 ล้าน ภายในปีหน้า นั่นจะไม่ใช่สัญญาณแห่งชัยชนะของตลาดคริปโต แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะวิกฤต

“คนที่เฮให้กับราคา Bitcoin ล้านเหรียญ ผมอยากบอกว่า มันจะไปถึงตรงนั้นได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ในประเทศแย่มาก ๆ เท่านั้น” Novogratz กล่าว พร้อมเสริมว่า ตนเองอยากเห็นราคาที่ต่ำกว่านี้ แต่แลกมากับความมั่นคงของสหรัฐมากกว่า

เขาอธิบายว่า เมื่อค่าเงินประจำชาติอ่อนค่ารุนแรง นักลงทุนมักหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย และ Bitcoin ก็มักถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล”

มุมมองนี้สอดคล้องกับนักวิเคราะห์คริปโตที่ใช้ชื่อว่า Wolf Of All Streets ซึ่งเคยกล่าวกับ Cointelegraph Magazine ในปี 2023 ว่า “ราคายิ่งขึ้นเร็ว โลกก็ยิ่งแย่”

หลายฝ่ายยังคงเชื่อว่า $1 ล้าน เป็นไปได้

แม้ Novogratz จะมองในเชิงลบ แต่ Bitcoiners หลายรายยังเชื่อว่าการที่ราคาขึ้นไปแตะ $1 ล้าน ภายในปี 2026 ก็มีความเป็นไปได้ เช่น Arthur Hayes ผู้ก่อตั้ง BitMEX ที่เคยทำนายว่า BTC จะอยู่ระหว่าง $750,000–$1 ล้านในปีหน้า และล่าสุดเขายังย้ำว่า BTC อาจขึ้นไปถึง $250,000 ได้ภายในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน Samson Mow ผู้ก่อตั้งบริษัท Jan3 และผู้บุกเบิกวงการในยุคแรก ก็เคยกล่าวกับ Cointelegraph Magazine เมื่อเดือนมิถุนายนว่า Bitcoin อาจพุ่งถึง $1 ล้าน “บางทีอาจเป็นปีนี้ หรือไม่ก็ปีหน้า”

วิจารณ์การทำงานของ Scott Bessent

Novogratz ยังแสดงความกังวลต่อปัญหาหนี้ของสหรัฐ โดยมองว่าการแต่งตั้ง Scott Bessent เป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลสมัย Donald Trump ยังไม่เห็นผลตามที่คาดการณ์ไว้

“ผมชอบ Scott Bessent และเชื่อว่าเขาจริงใจกับสิ่งที่พูด แต่ตอนนี้เขาล้มเหลวในการควบคุมหนี้ต่อ GDP” Novogratz กล่าว พร้อมเตือนว่าระดับการขาดดุลของสหรัฐจะยิ่งสูงขึ้นในอนาคต

กังวลการสะสม Bitcoin โดยบริษัทใหญ่อาจกลายเป็นฟองสบู่

Novogratz ยังชี้ว่า การที่บริษัทจำนวนมากเร่งเข้าซื้อ Bitcoin เพื่อเก็บไว้ในงบดุล อาจกำลังสร้างฟองสบู่ภายในตลาด

“ผมค่อนข้างกังวล เพราะตอนนี้มันเริ่มเหมือนบรรยากาศของฟองสบู่ เราได้รับโทรศัพท์จากบริษัทใหม่ ๆ ที่อยากเพิ่ม Bitcoin ลงงบการเงินแทบทุกสัปดาห์” เขาเผย พร้อมเปรียบเทียบว่า “นี่แหละคือสิ่งที่ฟองสบู่เป็น ตอนที่แม้แต่คนขับแท็กซี่ยังถามเรื่องบริษัทถือครอง Bitcoin”

ก่อนหน้านี้ บริษัทร่วมลงทุน (VC) อย่าง Breed ก็ได้เตือนในทำนองเดียวกัน โดยมองว่าในอนาคตอาจมีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้ เพราะหลายบริษัทที่เข้ามาถือครอง Bitcoin อาจเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า “Death Spiral” หรือวงจรล้มละลายของธุรกิจ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ถือครอง Bitcoin ลดลงมาใกล้เคียงกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของเหรียญที่ถืออยู่ ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น รีบขายหุ้นออก จนบริษัทสูญเสียความสามารถในการระดมทุนหรือต้านทานแรงกดดันจากตลาด สุดท้ายอาจนำไปสู่การล้มละลายได้

อ้างอิง : Cointelegraph