ที่อยู่ Bitcoin ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ได้ทำให้เหล่านักขุดดั้งเดิมนั้นเกิดผลกำไรอย่างมหาศาล และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Wallet ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญ โตกว่า 150%
การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ได้ทำให้เหล่านักขุดดั้งเดิมนั้นเกิดผลกำไรอย่างมหาศาล และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Wallet ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญ โตกว่า 150%
นี่ถือเป็นข่าวดีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คน เมื่อ Bitcoin (BTC) ได้มอบของขวัญให้กับผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน และผู้ค้าทั้งหลายในช่วงต้นคริสต์มาสด้วยการก้าวข้ามขีดจำกัดที่ $22,000 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยการเพิ่มขึ้นของราคานี้ทำให้พื้นที่ Crypto ต่างมีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า เนื่องจากมีการหมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ $ 22,900 ณ ขณะที่เขียนบทความนี้ อ้างอิงราคาตาม CoinMarketCap
แต่ทว่า ข่าวที่น่าปิติยังไม่หมดแค่นี้ เพราะเว็บไซต์ผู้วิเคราะห์ข้อมูลด้านสกุลเงิน Crypto อย่าง Glassnode ได้ออกมาบ่งชี้ถึงอีกมุมที่น่าสนใจซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ในครั้งนี้ โดยพวกเขานั้นสังเกตเห็นว่าที่อยู่ของ BTC Walletที่มีมูลค่ามากกว่า 1ล้านดอลลาร์นั้นเพิ่มขึ้น 150% กลายเป็นจำนวนทั้งสิ้น 66,540 ที่อยู่ ดังที่ผู้ให้บริการข้อมูล onchain รายนี้ระบุในทวิตเตอร์ว่า
“จำนวนที่อยู่ Bitcoin ที่ถือครองอย่างน้อย $1M USD ได้ก้าวกระโดดขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้นถึง 150% กลายเป็น 66,540 ที่อยู่ แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ? ก็เพราะการที่ BTC ซึ่งมีมูลค่าทยานขึ้นไปมากกว่า 20,000ดอลลาร์ได้เปลี่ยนที่อยู่ของเหล่านักขุดในยุคแรกเริ่มทั้งหมด (รางวัลบล็อก 50 BTC ที่ไม่ได้ใช้หรือสูญหาย) ให้กลายไปเป็นที่อยู่ของเศรษฐีเงินล้าน”
สถิติเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าหลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งทะลุเพดาน และทะลุ 20,000ดอลลาร์ไปนั้น ทำให้ที่อยู่ BTC ของเหล่าสายขุดที่มีอยู่แล้วก่อนหน้านี้จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นกระเป๋าเงินของเศรษฐีทันที
ความกลัวทำให้ BTC ฝ่าทะลุแนวต้านไปได้
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา BTC นั้นพยายามเหลือเกินที่ข้ามผ่านราคาสูงสุดตลอดกาล (ATH) ที่ 20,000 ดอลลาร์ แต่ทว่าฝันในครั้งนั้นก็มักจะถูกระงับโดยพลังของผู้ทำกำไรที่คอยแต่จะผลักดันราคาลงไป
แต่ทว่า สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ดำเนินมาในทิศทางที่แตกต่างออกไปตามคำแนะนำของนักวิเคราะห์ด้าน Cryptocurrency อย่างWilly Woo ซึ่งเขาระบุว่าสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการวิ่งของ Bitcoin ในปัจจุบันเกิดจาก “FOMO” ที่ย่อมาจากคำว่า Fear Of Missing Out หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาสอะไรบางอย่างไป ยกตัวอย่างเช่น ความกลัวที่จะตกข่าว กลัวที่จะไม่รู้เท่าที่คนอื่นรู้ ความไม่อยากตกกระแส หรือตกเทรนด์ จำนวนมหาศาลที่ก่อตัวขึ้นในตลาดซึ่งมีอำนาจเหนือเหล่าผู้เก็งกำไร
นักลงทุนสถาบันนั้นถือเป็นผู้ที่รับผลประโยชน์จากกระแส FOMO ไปแบบเต็ม ๆ เนื่องจากพวกเขาคลั่งไคล้การลงทุนอยู่แล้ว และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาพวกเขาซื้อ Bitcoin มูลค่า 334.7 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น