ศาลปักกิ่งปฏิเสธจ่ายเงินชดเชยคดีเหมืองคริปโต
ผู้ร้องทุกข์ยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชยจากการลงทุนขุด Bitcoin เป็นมูลค่า 217.7 BTC แต่ทว่าด้วยกฎหมายที่เข้มงวดทำให้ศาลปักกิ่งปฏิเสธจ่ายเงินชดเชย
ผู้ร้องทุกข์ยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชยจากการลงทุนขุด Bitcoin เป็นมูลค่า 217.7 BTC แต่ทว่าด้วยกฎหมายที่เข้มงวดทำให้ศาลปักกิ่งปฏิเสธจ่ายเงินชดเชย
เมื่อวันพุธที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศาลประชาชนชั้นต้นประจำเมืองเฉาหยางตัดสินให้คดีฟ้องร้องสัญญาเหมือง Bitcoin ระหว่างโจทก์ และ บริษัท Blockchain เป็นโมฆะ โดยสำนักข่าว South China Morning Post ได้ออกมารายงานในวันพฤหัสที่ 16 ธันวาคม ระบุว่าโจทก์ในคดีอ้างว่าเขาได้ทำการลงทุนซื้อเครื่องขุดเหรียญดิจิทัล แต่กลับได้รับผลตอบแทนเพียงแค่ 18.5 BTC เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่เขาควรได้รับ ส่งผลให้เขาต้องออกมาเรียกร้องให้บริษัท Blockchain จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายเพิ่มอีก 217.17 BTC หรือเทียบเท่ากับเงินมูลค่า 10 ล้านหยวน (1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่ทว่าศาลปักกิ่งปฏิเสธที่จะจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ร้องทุกข์ และ ส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีนในมณฑลเสฉวนตรวจสอบการดำเนินกิจการเหมืองคริปโตที่เกิดขึ้นอย่างผิดกฎหมายภายในจังหวัดเฉาหยางต่อไป
รัฐบาลจีนปราบปรามคริปโตอย่างจริงจัง
ในช่วงฤดูร้อนปี 2020 ทางการจีนได้เริ่มออกมาปราบปรามการขุดคริปโตอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจขุดเหรียญ Bitcoin รายใหญ่ที่สุดต้องอพยพไปยังประเทศอื่น โดยอัตรา Hash rate จากการขุด Bitcoin ในประเทศจีนนั้นลดลงมาเกือบ 0% จากเดิม 60% หลังรัฐบาลเริ่มดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง ทั้งนี้ทางหน่วยงานรัฐฯประจำกรุงปักกิ่งได้ออกมาประกาศถึงการกำหนดนโยบายต่อต้านการซื้อขาย และ ขุดคริปโตจำนวนมากขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน ได้แก่ การห้ามไม่ให้ประชาชนดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตทุกระดับ แม้กระทั้งธุรกิจเล็ก ๆ ภายในบ้าน รวมไปถึงห้ามดำเนินการแลกเปลี่ยนคริปโตระหว่างประเทศทั้งหมด เป็นต้น
ศาลปักกิ่งปฏิเสธจ่ายเงินชดเชย หลังรัฐบาลปราบปรามธุรกิจคริปโตทั้งหมดในประเทศ
เห็นได้ชัดว่านโยบายการปราบปรามคริปโตเริ่มเข้มงวดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่านักธุรกิจชาวจีนจำนวนมากจะพบหนทางในการหลบหลีกข้อห้ามการซื้อขายคริปโตได้หลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ทว่ายังไม่มีใครเคยเสี่ยงดำเนินการขุดคริปโตในประเทศเลยนับแต่นั้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าแม้แต่ระบบตุลาการก็จะไม่สามารถปกป้อง หรือ ตัดสินคดีที่เกี่ยวของกับคริปโตให้แก่ประชาชนได้