ฝ่ายกฎหมายออสเตรเลียเพิ่มบทลงโทษอาชญากรไซเบอร์หนักมากขึ้น

ฝ่ายกฎหมายของประเทศออสเตรเลียเริ่มมีการหารืออย่างจริงจังแล้วเกี่ยวกับการรับมือไวรัสเรียกค่าไถ่ระลอกใหม่ โดยจะมีการปรับบทลงโทษต่อผู้กระทำผิดให้หนักมากขึ้นหลายเท่า

ฝ่ายกฎหมายออสเตรเลียเล็งเพิ่มบทลงโทษให้เข้มข้นขึ้น

ทางด้านหน่วยงานรัฐได้ออกมารายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ภาคธุรกิจของประเทศออสเตรเลียประสบกับการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากถึง 60 % ด้วยกัน และคาดว่ามูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตรงส่วนนี้คิดเป็นเงินมากกว่า $1.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

โดยแผนการรับมือไวรัสเรียกค่าไถ่นั้น ช่วยให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ ไม่สำคัญว่าจะมาจากประเทศไหนก็ตาม

เรื่องนี้รัฐบาลมีเป้าหมายในการทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถใช้อำนาจทางกฎหมายได้ง่ายขึ้น และช่วยในการหาทางคืนเหรียญคริปโตที่ถูกขโมยไปจากการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้ไวรัสมากมายเผยแพร่ระบาดบนโลกอินเทอร์เน็ต

เรื่องนี้ทางด้าน Karen Andrews รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกมากล่าวว่า มาตรการใหม่ครั้งนี้มีการออกแบบเพื่อคุ้มครองภาคธุรกิจของออสเตรเลียที่เจอกับแฮกเกอร์ข้ามชาติเล่นงาน  โดยมีเป้าหมายพุ่งไปที่อาชญากรออนไลน์และติดตามอาชญากรผ่านทางบัญชีธนาคารเป็นหลัก มาตรการนี้ครอบคลุมไปถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกขโมยไปจากไวรัสเรียกค่าไถ่ด้วย

หน่วยงานรัฐได้ดำเนินงานในการรับมือกับการโจมตีของไวรัสเรียกค่าไถ่อย่างหนัก ซึ่งแหล่งที่มาพบว่า การโจมตีส่วนใหญ่มาจากประเทศรัสเซียด้วยการใช้มัลแวร์ที่ชื่อ REvil หรือ DarkSide ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่ช่วยในการขโมยข้อมูลก่อนที่จะยัดไวรัสเรียกค่าไถ่เอาไว้ในคริปโต

ตอนนี้ออสเตรเลียเจอกับการโจมตีด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงภาคธุรกิจขนาดใหญ่ต่างได้รับผลกระทบตรงนี้อย่างเป็นวงกว้าง เหตุการณ์ที่ดังที่สุดก็คือ บริษัท JBS ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปเนื้อเจอกับไวรัสเรียกค่าไถ่จนทำให้บริษัทตามพื้นที่ต่าง ๆ 47 แห่งทั่วประเทศไม่สามารถดำเนินกิจการได้