กรรมตามสนอง! ผู้ฉ้อโกง Crypto กว่า $722 ล้าน ถูกจับแล้ว
หัวหน้าการฉ้อโกงเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ Russ Medlin กำลังโดนจับแล้วรอการส่งมอบผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
หัวหน้าการฉ้อโกงเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ Russ Medlin กำลังโดนจับแล้วรอการส่งมอบผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ผู้ลี้ภัยการฉ้อโกงนามว่า Russ Medlin ได้มีส่วนร่วมในโครงการการฉ้อโกงเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin จากบริษัทที่มีชื่อว่า Bitclub Network คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 722 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาเป็นที่ต้องการของสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) และในที่สุดเขาก็ถูกรวบตัวได้ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียด้วยคดีเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศเยาวชน
มาถึงทางตัน!
ดูเหมือนสุภาษิตอเมริกันที่ว่า “A Thief Has Only 40 Days” หรือช่วงอายุของการเป็นโจรมันสั้นยิ่งนัก จะกลายมาเป็นความจริงสำหรับ Medlin แล้ว! เพราะหลังจากที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่าเขาได้ทำการขุด Bitcoin ปลอมๆที่ดูดเงินจากนักลงทุนมากกว่า 700 ล้านเหรียญในเดือนธันวาคม 2019 ก็สามารถจับคุมผู้สมรู้ร่วมคิดจำนวนทั้ง 3 คน ได้ครบถ้วน เหลือแต่ Medlin เพียงผู้เดียว ที่พยายามหนีจากกฎหมายมาโดยตลอด
อัยการสหรัฐฯ กล่าวว่า Medlin เป็นผู้นำในการหลอกลวงของ Bitclub Network ที่เป็นการฉ้อโกงโดยใช้วิธีการ Ponzi หรือปฏิบัติการลงทุนแบบฉ้อฉล ที่ผู้ดำเนินการไม่ว่าจะเป็นบุคคล หรือเป็นองค์กร จ่ายผลกำไรให้แก่นักลงทุนโดยใช้เงินลงทุนใหม่จากนักลงทุนใหม่ แทนที่จะใช้ผลกำไรที่ผู้ดำเนินการลงทุนหาได้ ผู้ดำเนินการวิธีนี้มักจะโน้มน้าวชักชวนผู้ลงทุนใหม่ โดยให้ผลกำไรที่สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆในรูปแบบที่ได้ผลเร็ว ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนที่สูงหรืออย่างสม่ำเสมอโดยไม่น่าเชื่อ ผสมผสานกับระบบและเทคโนโลยีขั้นสูง
การปฎิบัติการการฉ้อโกงดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 จนถึงเดือนธันวาคม 2562 และนักลงทุนที่ไม่สงสัยได้ถูกล่อลวงด้วยรายได้ที่อ้างว่าจะสร้างขึ้นจากการขุด Bitcoin
อย่างไรก็ตามทางการของสหรัฐฯ ก็ยังคงไม่ชัดเจนว่า จะขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อมารับข้อหาการหลอกลวง Cryptocurrency ในสหรัฐ หรือไม่
Roma Hutajulu ตำรวจจาการ์ตา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสืบสวนพิเศษได้กล่าวว่า
“เรายังคงรอคำขอของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากสถานทูตสหรัฐฯ”
การฉ้อโกงสกุลเงิน Crypto ชวนปวดหัวยิ่งนัก
ตามรายงานของ Fortune Business Insights ตลาด Cryptocurrency ถูกคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1.75 พันล้านดอลลาร์ในปี 2570 ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการการฉ้อโกงที่อาจจะทำให้การเจริญเติบโตสะดุดลงเกิดขึ้นเสมอก็ตาม
ในช่วงเวลาของการจับกุม Medlin มีเงินติดตัวอยู่ 20,000 ดอลล่าสหรัฐ และหากเขาถูกตัดสินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเด็กของชาวอินโดนีเซีย เขาอาจถูกจำคุกเป็นเวลา 15 ปี เวลาจะบอกได้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับการรับโทษในการหลอกลวงที่เขาเผชิญอยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือไม่