วิกฤตสหรัฐ-อัฟกานิสถานดูเหมือนจะยังไม่จบง่าย ๆ
ตอนนี้ประเทศอัฟกานิสถานกำลังเจอกับวิกฤตครั้งใหม่หลังจากที่กองทัพสหรัฐได้ถอนกำลังออกไป โดยที่ทางรัฐบาลสหรัฐไม่สามารถแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้
วิกฤตสหรัฐ-อัฟกานิสถานในอดีตที่ผ่านมา
ที่ผ่านมาทางด้านรัฐบาลสหรัฐได้ถลุงเงินไปกว่าล้านล้านดอลลาร์ในการแก้ไขวิกฤตภายในประเทศอัฟกานิสถานกว่า 20 ปี รวมไปถึงการทางรัฐบาลสหรัฐ ธนาคารกลาง FED และหุ้นส่วนพันธมิตรได้ยึดสินทรัพย์จากธนาคารของอัฟกานิสถานโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
เช่นเดียวกันประชาชนชาวอัฟกานิสถานต่างแห่ถอนเงินออกมา ซึ่งสื่อในประเทศอัฟกานิสถานรายงานว่า ที่ผ่านมาประชาชนต่างหมดเนื้อหมดตัวหลังจากที่สหรัฐได้เข้ามาแทรกแซงจนถึงตอนที่กลุ่มตาลีบันได้เข้ามายึดประเทศ
หลายปีก่อนประธานาธิบดี George W.Bush ได้ทำการประกาศสงครามการก่อการร้าย และการประกาศนี้พ่วงไปถึงประเทศอัฟกานิสถานกับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในตะวันออกกลาง ด้วยข้อกล่าวหาว่า มีอาวุธร้ายแรงครอบครัวและเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มก่อการร้าย โดยการทำสงครามได้เริ่มจาก Bush แล้วต่อจากนั้นก็มาเป็น Obama และ Trump ที่ยังคงอุตสาหกรรมการทหารเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง
สงครามยาวนานที่ทำลายความหวังของผู้คน
การทำสงครามระหว่างอเมริกา-อัฟกานิสถานนั้น ถือเป็นการทำสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐเมื่อเทียบกับการทำสงครามเวียดนาม
ในช่วงที่รัฐบาลไบเดนเข้ามานั้น ได้ให้เหตุผลในการถอนกองกำลังในประเทศอัฟกานิสถานและคาดว่าความขัดแย้งได้สิ้นสุดลงแล้ว ทว่าเกิดเหตุร้ายเมื่อกลุ่มก่อการร้ายอีกฝ่ายนามไอซิส-เคได้ทำการก่อวินาศกรรมในสนามบินคาบูล จนทำให้ทางอเมริกาเริ่มเปิดศึกก่อการร้ายในประเทศอัฟกานิสถานอีกครั้ง
ซึ่งจากรายงานล่าสุดนั้น ทางด้านรัฐบาลสหรัฐประกาศจะล้างแค้นกลุ่มก่อการร้ายที่วางสนามบิน และโจ ไบเดนประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า สามารถใช้โดรนในการทลายกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดในสนามบินได้แล้ว
เมื่อมาดูเศรษฐกิจภายในประเทศอัฟกานิสถานนั้น สอดคล้องกับรายงานของ CNN ที่กล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนเข้าสู่ภาวะเลวร้ายขั้นขีดสุด ซึ่งประชาชนบางคนกล่าวว่า เขามีความปรารถนาหลายอย่าง แต่ทุกอย่างกำลังจะพังทลาย พวกเขาจึงต้องหาทางที่จะก้าวข้ามความสิ้นหวังที่กำลังจะมาเยือนในอนาคต