เหรียญคริปโตกลุ่ม AI และ Big Data พุ่งทะยาน 131% ท่ามกลางกระแสขาขึ้นของ Bitcoin

มูลค่าตลาดโดยรวมของเหรียญคริปโตในกลุ่ม AI และ Big Data ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 131.4% นับตั้งแต่จุดต่ำสุดของปีในวันที่ 8 มิถุนายน ตามข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ CoinMarketCap ระบุว่า ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน มูลค่าตลาดรวมของเหรียญกลุ่มนี้พุ่งสูงถึง 42.1 พันล้านดอลลาร์ นำโดยเหรียญชั้นนำอย่าง (NEAR) Near Protocol, (ICP) Internet Computer และ (RENDER) Render

การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของเหรียญ AI มีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งความเชื่อมั่นโดยรวมของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของ Bitcoin ความชัดเจนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ รวมถึงการที่ไม่มีเหตุการณ์ล่มสลายครั้งใหญ่ในอุตสหกรรมคริปโต

ย้อนกลับไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เหรียญ AI ต้องเผชิญกับภาวะตลาดขาลงอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่าตลาดสูงสุดที่ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 มีนาคม ก่อนจะร่วงลงเหลือเพียง 1.82 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันที่ 8 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนถัดมา ตลาดได้พลิกฟื้นกลับขึ้นมาแตะระดับ 4.21 หมื่นล้านดอลลาร์อีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 45 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

นอกเหนือจากโครงการที่กล่าวมาข้างต้น เหรียญ AI ที่มีมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านดอลลาร์ยังรวมไปถึง (TAO) Bittensor, (FET) Artificial Superintelligence Alliance, (INJ) Injective, (GRP) The Graph, *THATA) Theta Network และ (ARK) Akash Network

ในแง่มุมที่น่าจับตา ข้อมูลจาก CoinMarketCap เผยว่า มูลค่าตลาดโดยรวมของคริปโตทั้งหมดได้พุ่งทะลุ 3.09 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่เหรียญในกลุ่ม AI กลับมีสัดส่วนเพียง 1.36% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างและโอกาสมหาศาลในการเติบโตของเหรียญกลุ่มนี้ในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Ethereum สามารถแซงหน้า Bank of America ในแง่มูลค่าตลาด (Market Capitalization) โดยมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 3.83 แสนล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นต่อระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และสินทรัพย์คริปโต ซึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลก

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเหรียญกลุ่ม AI และ Big Data ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่กลับมาของนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของการผสานเทคโนโลยี AI กับบล็อกเชน ซึ่งอาจเป็นแนวโน้มสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในอนาคต

อ้างอิง : cointelegraph