Blockchain

รายงานเผย 80% ของเหรียญ Ethereum พร้อมสำหรับการอัพเกรดเป็นระบบ 2.0

Ethereum 2.jpg

เหรียญบนเครือข่าย Ethereum กว่า 80% พร้อมแล้วสำหรับการอัพเกรดเป็น Ethereum 2.0 เปลี่ยนจากระบบการขุดเหรียญเป็นการ Staking

Ethereum 2.0

การอัพเกรดระบบEthereum ในครั้งต่อไปจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเนื่องจากจะเป็นการขยายศักยภาพของระบบแล้วยังเป็นการเปลี่ยนฐานแนวคิดเดิมของเครือข่ายที่อาศัยชุดคำสั่งหรือ Protocol แบบ Proof of Work ซึ่งอาศัยพลังการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเป็นองค์ประกอบหลักในการทำธุรกรรม ไปสู่ชุดคำสั่งแบบ Proof of Stake ซึ่งใช้ระบบการคำนวนเพื่อหาผู้ประมวลผลจากปริมาณของเหรียญที่ถือแทน

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้จะเป็นการแก้ปัญหาด้านข้อจำกัดของปริมาณธุรกรรมที่ระบบจะสามารถรองรับได้ อีกทั้งยังเปิดทางให้กับการพัฒนาต่อยอดเครือข่ายเพื่อสนองรับกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้ Smart Contracts บนเครือข่าย โดยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้ระบบสามารถประมวลผลข้อมูลที่มีขนาด Block ใหญ่ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ วึ่งการอัพเกรดครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดถึงการเติบโตในระยะยาวของระบบเลยทีเดียว

Ethereum กับการ Staking

หลังจากการอัพเกรดดังกล่าวนั้น การขุดเหรียญ Ethereum รวมถึงการประมวลผล Block ข้อมูลบนเครือข่ายจะเกิดจากกองเหรียญซึ่งได้ถูกตั้งขึ้นมาในฐานะ Validator หรือผู้ประมวลผลเท่านั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเรียกว่าการ Staking  โดยขั้นต่ำของเหรียญที่จะใช้ในการStaking สำหรับ Ethereum นั้นจะอยู่ที่ 32 เหรียญเป็นต้นไป ซึ่งหากผู้ใช้มีเหรียญปริมาณดังกล่าว สามารถเริ่มต้นการStaking  ได้ทันทีนั่นเอง

เหรียญกว่า 80% พร้อมสำหรับการอัพเกรดแล้ว

อ้างอิงจากรายงานของทางบริษัทด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย Ethereum อย่าง ConsenSys ในชื่อ "Ethereum 2.0 Economic Review" นั้นได้มีการเปิดเผยว่าในขณะนี้ เหรียญ Ethereum กว่า 80% ของปริมาณเหรียญทั้งหมดบนเครือข่ายหรือประมาณ 86.6 ล้านเหรียญนั้นพร้อมแล้วที่จะได้รับการอัพเกรดไปสู่ระบบ 2.0 โดยเหรียญปริมาณดังกล่าวนั้นล้วนเป็นเหรียญที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอยู่บน Exchange ทั้งสิ้น

รายงานดังกล่าวยังได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่าเหรียญที่เหลืออีกกว่า 18.7 ล้านเหรียญได้กระจายอยู่ตามแพลตฟอร์ม Exchange ต่างๆ ซึ่งตามแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็ได้มีการเตรียมเปิดให้บริการกองเหรียญสำหรับการ Staking ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งจะหมายความว่าเหรียญจำนวนดังกล่าวจะกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดด้านการ Staking ที่สำหคัญของเครือข่ายนั่นเอง

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตรียมใช้ Stablecoin รักษาความเป็นผู้นำของดอลลาร์ในระดับโลก
กองทุน ETF ไหลออกกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้ง Bitcoin Reserve
สภารัฐนิวแฮมป์เชียร์ไฟเขียวร่างกฎหมาย Bitcoin ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
ผู้ก่อตั้ง Swan Bitcoin เผย! มีโอกาสมากกว่า 50% ที่ Bitcoin จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ก่อนเดือนมิถุนายนนี้