ผลสำรวจเผย! นักลงทุนคริปโต 60% เป็นคนรุ่นใหม่ การศึกษาสูง และลงทุนไม่เกิน $10,000 ต่อปี
ผลสำรวจจาก CryptoQuant ระบุว่านักลงทุนในตลาดคริปโตส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ การศึกษาสูง และมักลงทุนในวงเงินต่ำกว่า $10,000 ต่อปี โดย Binance เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมอันดับหนึ่ง
ผลสำรวจจาก CryptoQuant ระบุว่านักลงทุนในตลาดคริปโตส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ การศึกษาสูง และมักลงทุนในวงเงินต่ำกว่า $10,000 ต่อปี โดย Binance เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมอันดับหนึ่ง
ผลสำรวจล่าสุดจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน CryptoQuant เผยว่า นักลงทุนคริปโตมากกว่า 60% มีอายุระหว่าง 25 ถึง 44 ปี โดย 35% อยู่ในช่วงอายุ 25-34 ปี และ 26% อยู่ในช่วงอายุ 35-44 ปี
นักลงทุนคริปโตมีการศึกษาสูง และผู้ชายยังครองสัดส่วนใหญ่
รายงาน “2024 Crypto Survey : Exchange Use and Investor Behavior” ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 มกราคม ชี้ว่านักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่มีการศึกษาสูง โดยเกือบ 50% มีวุฒิปริญญาตรี และอีก 28% มีวุฒิการศึกษาระดับสูงกว่า
ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงช่องว่างทางเพศ (Gender Gap) ที่ยังคงมีอยู่อย่างมีนัยสำคัญในตลาดคริปโต โดยสัดส่วนนักลงทุนเพศชายครองตลาดถึง 89% ในขณะที่นักลงทุนเพศหญิงมีเพียง 11% สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างความหลากหลายในอุตสาหกรรมคริปโต
จากข้อมูลยังเผยให้เห็นว่า พอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่มีมูลค่าไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของนักลงทุนรายย่อย (Retail Investors) ในการขับเคลื่อนตลาด
ด้านการกระจายตัวเชิงภูมิศาสตร์ ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยสัดส่วนผู้ใช้งาน 40% รองลงมาคือยุโรปที่ 29% และอเมริกาเหนือที่ 10% ตามลำดับ
การตัดสินใจลงทุนและรูปแบบการเทรด
เมื่อต้องตัดสินใจลงทุน 22% ของนักลงทุนเลือกที่จะพึ่งพาการวิเคราะห์ด้วยตนเอง ในขณะที่ 16% อ้างอิงข้อมูลจากอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดียหรือคนดังในวงการ ส่วนคำแนะนำจากเพื่อน ชุมชน และสื่อต่างๆ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนน้อยกว่า
การเทรดแบบสปอตยังคงครองตลาด โดย 76% ของนักลงทุนให้ความสำคัญกับการเทรดประเภทนี้มากกว่าการเทรดอนุพันธ์ (Derivatives) หรือการวางสินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทน (staking และ yield farming) ซึ่งมีผู้ใช้งานเพียง 28%
Binance ครองความนิยมอันดับหนึ่ง
Binance ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแพลตฟอร์มการเทรดและแลกเปลี่ยนคริปโตยอดนิยม โดย 53% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้เป็นแพลตฟอร์มหลัก
Binance ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ทำกำไรสูงสุด โดย 51% ของผู้ใช้งานรายงานว่าพวกเขาทำกำไรได้มากที่สุดจากการใช้งาน Binance และ 48% ระบุว่าเก็บสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไว้บนแพลตฟอร์มนี้
แพลตฟอร์มอื่น เช่น Bybit, OKX และ Bitget ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดมืออาชีพ ขณะที่นักเทรดพาร์ตไทม์มักเลือกใช้ Coinbase และ Kraken
ในด้านภูมิภาค Binance ครองส่วนแบ่งทางการใช้งานในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยมีอัตราการใช้งานเกินกว่า 50% ส่วน Coinbase เป็นผู้นำในแถบอเมริกาเหนือ โดย 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าใช้เป็นแพลตฟอร์มการเทรดหลัก
ผลสำรวจยังระบุว่า 83% ของผู้ทำแบบสอบถามพยายามหลีกเลี่ยงแพลตฟอร์มที่มีปัญหาด้านกฎระเบียบ โดย Binance ถูกมองว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดมากที่สุด (32%) ตามมาด้วย Coinbase (14%)
Bitcoin และเหรียญ Layer 2 ยังคงครองตลาด
ผลสำรวจชี้ว่า Bitcoin ยังคงครองตำแหน่งสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือ Ethereum เหรียญกลุ่ม Layer 2 และโปรโตคอล DeFi ตามลำดับ
ในด้านการสร้างผลตอบแทน Bitcoin ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุน โดยครองสัดส่วน 18% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ตามมาด้วย Ethereum, Solana และ XRP
"แนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นความมั่นคงและการบริหารความเสี่ยง โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับโครงการที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในโทเคนที่ขาดความน่าเชื่อถือ" CryptoQuant วิเคราะห์ในรายงานล่าสุด
การสำรวจครั้งนี้รวบรวมข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถาม 17,566 รายทั่วโลก ซึ่งสะท้อนมุมมองการลงทุนในระดับสากล
อ้างอิง : Cointelegraph
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง
ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล
Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว