วานูอาตูประกาศสนับสนุน Satoshi Island แล้ว
นายกรัฐมนตรีแห่งวานูอาตูเปิดประเทศสนับสนุน Satoshi Island หวังกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน
นายกรัฐมนตรีแห่งวานูอาตูเปิดประเทศสนับสนุน Satoshi Island หวังกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน
แน่นอนว่า การที่ผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่งจะตัดสินใจออกมาสนับสนุนคริปโตเคอเรนซีในลักษณะเดียวกันกับที่ Nayib Bukele ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่า จากรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งก็ได้ระบุว่า Bob Loughman นายกรัฐมนตรีผู้ทรงเกียรติแห่งวานูอาตู ประเทศหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ได้ออกมาประกาศสนับสนุน Satoshi Island อย่างเป็นทางการ พร้อมอ้าแขนเชิญชวนให้ชุมชนคริปโตกลุ่มนี้เข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย
Satoshi Island คืออะไร?
Satoshi Island เป็นอภิมหาโปรเจกต์ที่มีเป้าหมายในการสรรค์สร้างเมืองคริปโตบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการจะสร้างาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคริปโตที่กำลังวางแผนที่ย้ายมาเป็นผู้อาศัยบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงนักท่องเที่ยว โดยสมาชิกในชุมชนจะได้พักอาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างด้วยแนวคิดแบบยั่งยืนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยองค์กร Decentralized Autonomous Organization หรือ DAO ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะมีสิทธิ์ในการถือครอง NFT ที่จัดเตรียมไว้ให้อีกด้วย จนกลายเป็นประเด็นข่าวร้อนแรงขึ้นมาทันทีหลังจากที่ทีมผู้พัฒนาได้รับแอปพลิเคชัน Non-Fungible Token (NFT) จำนวน 50,000 เหรียญเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการเข้ามาถือสัญชาติบนเกาะได้
หลังจากทราบข่าว ทางด้านนายกรัฐมนตรีแห่งวานูอาตูก็ได้อวยพรให้การพัฒนาเกาะ Satoshi เสร็จเสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งระบุเพิ่มเติมถึงจุดประสงค์ที่ของรัฐบาลที่กำลังมองหาหนทางที่จะช่วยดึงดูดบริษัทลงทุน และผู้คนจากทั่วโลกให้เดินทางเข้ามาภายในประเทศมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง
การสนับสนุน Satoshi Island คือทางออกสำหรับวานูอาตู
การแพร่ระบาดใหญ่ของโรค COVID-19 ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญในภาคเศรษฐกิจของประเทศวานูอาตู ที่มีส่วนในการเพิ่มค่า GDP ของประเทศทั้งหมดให้ขึ้นมาอยู่ที่ 34.7% เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา นอกจากนี้แล้ว ข้อมูลจากธนาคารโลกยังได้บ่งชี้ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมหมู่เกาะสวรรค์ที่กินระยะทางราว 2,000 กิโลเมตรจากเมืองหลวงประเทศออสเตรเลียอย่างบริสเบนมีปริมาณลดลงจากเดิม 300,000 ราย เหลือเพียง 80,000 รายในปี 2020 เท่านั้น
ทีมผู้พัฒนา Satoshi Island พร้อมช่วยเหลือวานูอาตูเต็มที่
หลังจากได้รับจดหมายแถลงการณ์จากทางรัฐบาลวานูอาตูแล้วนั้น ทางด้านทีมผู้พัฒนาจึงได้ออกมาตอบตกลงรับคำเชิญของท่านนายกรัฐมนตรีรายนี้ว่า
“หลังจากได้รับแรงสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีวานูอาตูอย่างเต็มที่ ทำให้พวกเราสามารถแสดงให้ทุกคนเห็นได้ว่า Satoshi Island จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงตามที่ได้มีการประกาศออกไป และคำพูดที่แสนหวานที่เชิญชวนให้ชุมชนของเราเดินทางไปยังบ้านของท่านนายกฯนั้นแทบจะไม่มีสิ่งใดที่อบอุ่นได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
ยิ่งไปกว่านั้น นักพัฒนาจากโปรเจกต์ Satoshi Island ยังเปิดเผยผ่านสำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งถึงปัญหาการขาดแคลนนักท่องเที่ยวของวานูอาตูที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส จนทำให้พวกเขาอยากจะเข้าไปช่วยเหลือผ่านการใช้ประโยชน์จากอภิมหาโปรเจกต์ชิ้นนี้ อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว ด้วยแรงสนับสนุนจากรัฐบาลวานูอาตู จึงได้ช่วยสานฝันอันเลือนลางของทีมนักพัฒนาให้อุตสาหกรรมคริปโตได้มีบ้านที่เกิดขึ้นจริงบนเกาะ Satoshi แห่งนี้ได้เสียที
คำแนะนำของผู้ที่ประสบความสำเร็จ
ในช่วงที่ผ่านมา มีอภิมหาโปรเจกต์คริปโตเกิดขึ้นมากมายหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Akon City ที่จัดตั้งอยู่ในสาธารณรัฐเซเนกัล ไปจนถึง CryptoLand ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และในท้ายที่สุดต่างก็พากันล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า แต่ทว่า ทีมผู้พัฒนาแห่ง Satoshi Island กลับยังคงสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง ก่อนจะออกมาให้คำแนะนำแก่นักพัฒนารายอื่น ๆ ให้พยายามรักษาความอยากรู้อยากเห็นภายในทีมเอาไว้จนกว่าจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนไอเดียมาสู่ความเป็นจริง
นอกจากนี้ ทางทีมงานยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมอย่างระมัดระวัง และควรตรวจสอบความเป็นไปได้ในด้านโลจิสติกส์, สภาพแวดล้อม และความถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงการเป็นเจ้าของดินแดนก่อนที่นักพัฒนาจะดำเนินการเปิดตัวโปรเจกต์ ซึ่งเป็นขึ้นตอนสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าเป้าหมายทางการตลาดของทีมที่ต้องการจะโปรโมทสู่โลกแห่งความเป็นจริงคืออะไร และต้องมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงความฝัน