ธนาคารผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ (Custodian Bank) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันให้บริการดูแลสินทรัพย์มูลค่ากว่า 46.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่าง Bank of New York Mellon หรือ BNY Mellon จับมือ Chinalysis ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Blockchain เพื่อติดตาม และวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์คริปโตขององค์กร
Table of Contents
- BNY Mellon จับมือ Chinalysis เปิดตัวซอฟต์แวร์ตรวจจับการทำธุรกรรมสุดล้ำ
- ความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญ
- ซอฟต์แวร์ของ Chainalysis สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับทางธนาคาร
- จุดเริ่มต้นของการเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดคริปโต
- ซีอีโอเผยอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงสร้างอย่างต่ำอีก 3 ถึง 5 ปี
- สถาบันการเงินดั้งเดิมหันมาใช้คริปโตมากขึ้น
BNY Mellon จับมือ Chinalysis เปิดตัวซอฟต์แวร์ตรวจจับการทำธุรกรรมสุดล้ำ
Chinalysis หรือแพลตฟอร์มผู้วิเคราะห์ข้อมูล Blockchain ที่ให้บริการแก่สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมในการช่วยให้องค์กรรายใหญ่จำนวนมากสามารถจัดการกับความเสี่ยงทางด้านกฎหมายที่มาพร้อมกับสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของทางธนาคารระดับโลกนั้น ทาง Chinalysis ได้นำซอฟต์แวร์ของตนเองเข้ามาใช้ในการติดตาม, บันทึก และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับคริปโต โดยซอฟต์แวร์ตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยง รวมไปถึงคาดการณ์การทำธุรกรรม หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อ Know Your Transaction (KYT), Reactor และ Kryptos ที่มาพร้อมกับระบบตั้งค่าสถานะ KYT ที่จะสามารถตรวจจับรายการการโอนเงินดิจิทัลที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงได้โดยอัตโนมัติ

หากซอฟต์แวร์ KYT ตรวจพบรายการการโอนคริปโตไปยังกระเป๋าต้องสงสัย ระบบจะสามารถบล็อกรายการธุรกรรมเหล่านั้นเอาไว้ล่วงหน้าได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เครื่องมือ Reactor จะเป็นตัวช่วยในการจัดหาพลังงานที่ใช้ในการตรวจสอบบนเครือข่าย Blockchain ในขณะที่ Kryptos นั้นจะทำหน้าที่สสะสม และแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนให้มาอยู่ในรูปแบบของข้อมูลที่น่าเชื่อถือให้กับทางสถาบัน
ความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญ
Caroline Butler ประธานฝ่ายจัดการดูแลในด้านภาษี และเครือข่ายแห่ง BNY Mellon ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเป็นสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือในฐานะธนาคารที่ได้ก้าวเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลว่า
“BNY Mellon ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มตัวพร้อมด้วยชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือมากที่สุดร่วมกับทาง Chainalysis และบริษัท Fintech ชั้นนำอีกจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางบริษัทดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโต และสะท้อนให้เห็นถึงผลิตภัณฑ์ของเราด้วยเช่นเดียวกัน”
ซอฟต์แวร์ของ Chainalysis สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับทางธนาคาร
บริการที่ทาง Chainalysis นำเสนอมานั้นได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดีจากผู้ใช้คริปโตจำนวนมากถึงบริการที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมไปถึงความสามารถในการตรวจสอบที่สำคัญให้แก่องค์กรรายใหญ่ช่วยให้สถาบันการเงินในรูปแบบดั้งเดิมเริ่มนำคริปโตเคอเรนซีไปใช้อย่างถูกกฎหมายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ Jonathan Levin ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainalysis ได้ออกมากล่าวผ่านการแถลงการณ์ว่า
“Chainalysis เชื่อมั่นมาตลอดว่าสถาบันการเงินนั้นมีความสำคัญกับอัตราการเติบโต และความสำเร็จของอุตสาหกรรมคริปโต”
จุดเริ่มต้นของการเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดคริปโต

BNY Mello ได้รับแรงผลักดันจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าชั้นนำของธนาคาร ให้เข้ามาลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังอยู่ในจังหวะขาขึ้นพอดี โดยทางองค์กรได้วางแผนที่จะให้บริการรับฝาก, โอน และผลิต Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลสกุลอื่น ๆ แก่ลูกค้าในฐานผู้จัดการสินทรัพย์
ทั้งนี้ทางด้าน Wall Street Journal ได้ออกมาระบุว่า BNY Mellon นั้นได้รับการยกย่องให้เป็นสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมรายแรก ๆ ของวงการที่ให้การสนับสนุน และยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นเดียวกับบริษัท Fidelity Investments ที่เปิดดำเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้วเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารดังกล่าวยังได้รับการขนานนามว่าเป็น Custodial Bank แห่งแรกของประเทศสหรัฐอมเริกาที่มุ่งมั่นเปิดตัวบริการรับฝากสกุลเงินดิจิทัลให้แก่ลูกค้าในระยะสั้นอีกด้วย
ซีอีโอเผยอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงสร้างอย่างต่ำอีก 3 ถึง 5 ปี
แม้ว่าในปัจจุบัน BNY Mellon กำลังเร่งดำเนินการเพื่อเปิดให้บริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตให้ได้เร็วที่สุดก็ตาม แต่ทว่า Roman Regelman ผู้บริหารระดับสูงแห่งธนาคารรับฝากสินทรัพย์ และธุรกิจดิจิทัล ก็ได้ออกมาคาดการณ์ว่าการควบรวมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของธนาคารในรูปแบบดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ถึง 5 ปีเป็นต้นไป
สถาบันการเงินดั้งเดิมหันมาใช้คริปโตมากขึ้น
สถาบันการเงินดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในหลายแห่งได้เริ่มเปลี่ยนแนวทางการในการประกอบธุรกิจขององค์กร และหันมายอมรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ Morgan Stanley, Citibank และ JPMorgan ที่ปัจจุบันทำหน้าที่จัดการ และลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลกันอย่างแข็งขันเลยทีเดียว