บริษัท Visa เริ่มใช้ Blockchain เพื่อยกระดับ Hub ทางด้านการชำระเงิน
บริษัท Visa ตอนนี้เริมให้ความสำคัญกับตลาดคริปโตมากขึ้น โดยมีการเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้เข้ากับสถานการณ์เวลานี้

บริษัท Visa ตอนนี้เริมให้ความสำคัญกับตลาดคริปโตมากขึ้น โดยมีการเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้เข้ากับสถานการณ์เวลานี้
Visa บริษัทให้บริการชำระเงินยักษ์ใหญ่ของโลกมีเป้าหมายที่จะยกระดับการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเขามาช่วย จากการที่ผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่มากขึ้น เช่นเดียวกับเหรียญ stablecoins และรองรับการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่มาจากทางธนาคารกลาง
บริษัท Visa ยกระดับพัฒนาด้วยการใช้บล็อกเชนมาช่วย
โดยทีมงานวิจัยของ Visa ตอนนี้ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ตอนนี้ทางบริษัทกำลังพัฒนาโครงการใหม่ที่ชื่อว่า Universal Payment Channel หรือ UPC โดยมีการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโครงข่ายหลายส่วน และช่วยในการทำธุรกรรมด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดต่าง ๆ ได้

ในรายงานได้กล่าวว่า ให้ลองคิดถึงการที่ทุก ๆ คนมีการใช้สกุลเงินแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินที่มาจากธนาคารกลางสกุลเงินดิจิทัลอย่างเช่น eKrona ของประเทศสวีเดนก็ดี หรือเหรียญ stablecoin อย่าง USDC ก็ดี ซึ่งการพัฒนาโครงการ UPC ตรงนี้จะทำให้การทำธุรกรรมสกุลเงินเหล่านี้ไม่เป็นอุปสรรคอีกในอนาคต
ช่วยเพิ่มศักยภาพในการชำระเงินให้ดียิ่งขึ้น
โครงการ UPC มีการพัฒนาขึ้นโดยทีมงานวิจัยและฝ่ายผลิตของ Visa โดยมีการใช้โครงข่ายเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วย พร้อมกับทำการเชื่อมต่อกับสกุลเงินดิจิทัลระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมไปถึงโครงข่าย stablecoin ด้วย
ที่ผ่านมาโครงการ UPC ได้เริ่มวางแนวคิดในปี 2018 โดยทีมวิจัยของ Visa พร้อมกับใช้เทคโนโลยีระบบของบล็อกเชนในการออกแบบและจัดวางโครงสร้างให้รองรับความเคลื่อนไหวของเงินตราที่หมุนเวียนไปมาได้ง่ายขึ้น
Visa เริ่มให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมคริปโตมากขึ้น โดยมีการจับมือร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อรองรับเหรียญ USDC สำหรับบัตรเครดิต และทางบริษัทได้ออกมาให้ความสำคัญกับการชำระเงินคริปโตที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับเหรียญ stablecoin ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้