CZ "โมเดล Free-to-Own ของ GameFi นั้นมีความเสี่ยงสูง"
บริษัทที่ให้บริการเกมบนบล็อคเชนที่เคยมีปัญหาได้ระดมทุนเงินไปกว่า 200 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อนำไปดำเนินการโมเดลธุรกิจแบบใหม่ในโลกแห่ง GameFi
บริษัทที่ให้บริการเกมบนบล็อคเชนที่เคยมีปัญหาได้ระดมทุนเงินไปกว่า 200 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อนำไปดำเนินการโมเดลธุรกิจแบบใหม่ในโลกแห่ง GameFi
Changpeng “CZ” Zhao ผู้ซึ่งเป็น CEO ของ Binance ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสร้างโมเดลธุรกิจแบบ “Free-to-Own” ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ของ GameFi
โมเดล Free-to-Own
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา CEO ของกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของโลก ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า:
“ถ้าทุกอย่างในโลกนี้เป็นฟรี แล้วเราจะทำงานหนักกันไปทำไม...”
CEO ของ Binance ได้เน้นย้ำอีกว่า “ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ อย่างแน่นอน” และชี้ให้เห็นว่ากระดานเทรดของเขาสามารถนำเสนอการซื้อ/ขายที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ได้อย่างไร
โดยเขาระบุว่า “การที่ Binance สามารถนำเสนอ 0 Fee ในสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 และ 2 ของตลาดอย่าง Bitcoin และ Ethereum เนื่องจากกระดานเทรดนั้นมีรายได้ที่เพียงพอจากสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ทำให้พวกเขาสามารถไม่เก็บค่าธรรมเนียมการซื้อ/ขายจากสองสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำได้”
CZ ยังได้เสริมอีกว่า “โครงการที่มีโมเดล Free-to-Own ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานลงทะเบียนฟรีนั้นอาจจะมีความเสี่ยงที่สูงมาก”
Limit Break ระดมทุนได้ 200 ล้านดอลลาร์
บริษัทที่ต้องเผชิญกับคำวิจารณ์ที่รุนแรงของ CZ คือ บริษัท Startup ด้านเกมอย่าง “Limit Break” ที่พึ่งเปิดระดมทุนและได้เงินทุนไปกว่า 200 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 29 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา
โดยโปรเจ็กต์นี้ได้รับความนิยมจากการเปิดตัวคอลเลกชัน Free-Mint NFT ที่ใช้ชื่อว่า “DigiDaigaku”
แนวคิดของ Limit Break ก็คือ ผู้เล่นจะไม่ถูกกดดันโดยค่าใช้จ่ายในการลงทุนของตน ดังนั้น ผู้เล่นก็จะมีความเพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมและสามารถอยู่ในเกมได้นานขึ้น เนื่องจาก NFT ของเกมนั้นแจกฟรี
Ryan Foo นักเศรษฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเกมของ Delphi Digital กล่าวว่า “Limit Break จะทำกำไรจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเพียง 10% สำหรับการซื้อ/ขาย NFT และในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดตัว NFT ของ Limit Break ก็มียอดการซื้อขายสะสมกว่า 3,900 ETH ส่งผลให้นักพัฒนาที่อยู่เบื้องหลังมีรายได้สูงถึง 600,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกมบนบล็อกเชนต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเกมแบบดั้งเดิมว่า นักพัฒนาเกมในโลกบล็อกเชนนั้นให้ความสำคัญกับ “การทำเงิน” มากกว่าความเพลิดเพลินที่ผู้เล่นจะได้รับ ทำให้เกิดกรณีอย่าง Mojang Studios ที่เป็นผู้สร้าง Minecraft ซึ่งกล่าวว่า “จะไม่เปิดใช้ NFT กับเกม Minecraft โดยอ้างถึง "การเก็งกำไร" และ “ความคาดหวังด้านการลงทุนที่มาเกินไป” ซึ่งทำให้ความเพลิดเพลินและประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ผู้เล่นจะได้รับนั้นหายไป
อ้างอิง: LINK