Coinbase ถูกรัฐบาลอเมริกากำกับดูแลแล้ว!
หรือนี่จะเป็นสัญญาณบอกใบ้ให้คอมมิวนิตีคริปโตเปลี่ยนมาใช้ DEX แทน หลังจาก Coinbase ถูกรัฐบาลอเมริกากำกับดูแลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หรือนี่จะเป็นสัญญาณบอกใบ้ให้คอมมิวนิตีคริปโตเปลี่ยนมาใช้ DEX แทน หลังจาก Coinbase ถูกรัฐบาลอเมริกากำกับดูแลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอย่าง Coinbase ถูกรัฐบาลอเมริกากำกับดูแล ส่งผลให้ทางองค์กรจำเป็นต้องออกมาประกาศเก็บข้อมูลส่วนตัว รวมไปถึงข้อมูลการโอน และรับเงินไปยังแพลตฟอร์มอื่นจากผู้ใช้ชาวแคนาดา, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เพิ่มเติม โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป โดยนโยบายการกำกับดูแลจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบังคับให้บริษัทมีความจำเป็นจะต้องออกกฎเกณฑ์ฉบับใหม่ดังกล่าว
Coinbase ถูกรัฐบาลอเมริกากำกับดูแล
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา แพลตฟอร์มรายใหญ่ในสหรัฐฯได้ดำเนินการส่งอีเมล์แจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานชาวแคนาดา, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ถึงความจำเป็นในการเก็บรวบรวมรายการการรับโอนคริปโตทุกรายการที่ส่งไปยังจากนอกแพลตฟอร์มตามนโยบายการกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกาที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แม้ว่ากฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เพียงแค่ 3 ประเทศ แต่ทว่าทางแพลตฟอร์มก็ได้มีการกำหนดข้อปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม
เริ่มต้นจากกลุ่มผู้ใช้งานชาวแคนาดา ที่ถูกกำหนดให้มีการรวบรวมส่งข้อมูลส่วนตัว และการทำธุรกรรมทั้งของผู้รับ และผู้ใช้งานให้กับทางแพลตฟอร์ม แม้ว่าในขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการโอนเงินของตนเองเข้าไปยัง Wallet อีกใบหนึ่งก็ตาม แต่ถ้าหากผู้ใช้งานมีการทำธุรกรรมมูลค่าน้อยกว่า 801 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,000 CAD จะได้รับการละเว้น ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติมให้กับทางบริษัท
ในขณะที่เงื่อนไขในประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์นั้น ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับทางประเทศแคนาดาพอสมควร เนื่องจาก Coinbase บังคับให้ผู้ใช้งานรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับจากนักลงทุนท้องถิ่นในการทำธุรกรรมจากทุกแพลตฟอร์ม โดยไม่มีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ และไม่ได้รับการยกเว้น นอกจากนี้ กฎระเบียบของประเทศญี่ปุ่นยังได้กำหนดให้ผู้ใช้งานเปิดเผยข้อมูลชื่อ, สกุล และที่อยู่ของตนเองให้กับทางบริษัทได้รับทราบเพิ่มเติม เช่นเดียวกันกับผู้ใช้งานจากประเทศแคนาดาอีกด้วย
Coinbase กำลังลิสต์รายชื่อประเทศที่ได้รับการยกเว้น
สำหรับผู้ใช้งานที่อาศัยอยู่ภายในประเทศอื่น ๆ ทางแพลตฟอร์มยังได้ได้ออกมาชี้แจงว่ากำลังดำเนินการอัปเดตรายชื่อประเทศที่สามารถลงทะเบียนเพื่อละเว้นจากกฎหมายฉบับใหม่ที่ถูกมานำมาปรับใช้ในครั้งนี้ได้อีกด้วย ซึ่ง Coinbase พบผู้ใช้งานรายใดไม่ยินยอม หรือ ส่งข้อมูลต่าง ๆ ไม่ครบถ้วน ทางแพลตฟอร์มจะดำเนินการระงับการทำธุรกรรมโอนคริปโตของบัญชีดังกล่าวบนแพลตฟอร์ม Coinbase ลงตามที่ได้ระบุเอาไว้ในกฎระเบียบขององค์กรในทันที
หลายประเทศเริ่มออกกฎกำกับดูแลคริปโตเข้มงวดขึ้น
เส้นทางการสร้างการยอมรับคริปโตนั้นเต็มไปด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดภายใต้คำกล่าวอ้างที่ต้องการจะปกป้องนักลงทุนจากความเสี่ยง จะเห็นได้จากประเด็นร้อนแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมกันหารือเพื่อประเมิณประโยชน์ และความเสี่ยงของคริปโตเคอเรนซี ก่อนลงความเห็นให้มีมติสั่งห้ามผู้ให้บริการ หรือ ธุรกิจใด ๆ นำคริปโตมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้า และบริการ รวมไปถึงผู้ให้บริการ หรือ ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในประเทศไทยจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลการให้บริการ และการใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน โดยจะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ นับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2022 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ทาง ก.ล.ต. และธปท. มองว่าคริปโตเคอเรนซีนั้นยังมีศักยภาพในการสร้างความเสี่ยงให้กับบรรดานักลงทุน และเศรษฐกิจของประเทศในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพทางการเงิน หรือ ความปลอดภัยทั้งในแง่ของตัวบุคคล และธุรกิจ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นของของระบบการเงิน และเศรษฐกิจโลกโดยรวมได้
แม้จะบังคับแต่ไม่ต่อต้าน
อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากต่างก็เคยสงสัย และพากันตั้งคำถามว่า กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นสัญญาณบอกใบ้ถึงการต่อต้านคริปโตเคอเรนซีหรือไม่ ทางด้านหน่วยงานกำกับดูแลก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจน พร้อมกล่าวว่า ทางหน่วยงานไม่ได้มีเจตนาที่จะกีดกัน หรือ ต่อต้านการนำคริปโตมาใช้เพื่อการลงทุนแต่อย่างใด จะเห็นได้จากปัจจุบันทางก.ล.ต. และธปท. เองก็ได้ร่วมมือกันเร่งพัฒนาโครงการ CBDC ให้สามารถเปิดให้ประชาชนในประเทศได้ทดลองใช้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในตลาดดิจิทัล และยังคงผลักดันโปรเจกต์ต่าง ๆ จนทำให้ไทยขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความตื่นตัวต่อคริปโตเคอเรนซีอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า แม้กฎหมายฉบับดังกล่าวกำลังจะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม แต่ทว่าผู้ใช้คริปโต และ นักลงทุน รวมไปถึงธุรกิจต่าง ๆ ยังคงสามารถลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ได้ตามปกติ