XRP

อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใช้ XRP แทนดอลลาร์ในธุรกรรมซื้อขายน้ำมัน สะท้อนทิศทางใหม่ของการค้าโลก!

อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใช้ XRP แทนดอลลาร์ในธุรกรรมซื้อขายน้ำมัน สะท้อนทิศทางใหม่ของการค้าโลก!

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และอินเดีย ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการพลังงานโลก ด้วยการทำธุรกรรมซื้อขายน้ำมันดิบโดยตรงกันเป็นครั้งแรก โดยไม่ผ่านสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งสองประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และอินเดีย ได้เลือกใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน XRP Ledger ในการดำเนินธุรกรรมครั้งนี้ โดยอินเดียชำระเงินให้กับ UAE ด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของตนเอง และระบบ XRP Ledger จะทำการคำนวณและบันทึกธุรกรรมทั้งหมดอย่างโปร่งใสและปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากระบบ CryptoTradingFund (CTF) ซึ่งเป็นโทเค็นที่มอบให้เป็นรางวัลสำหรับการทำธุรกรรม

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองสากลมาอย่างยาวนาน โดยกลุ่มประเทศ BRICS ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างระบบการเงินที่เป็นอิสระและหลากหลายมากขึ้น

เหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดจากความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมและเพิ่มความโปร่งใสให้กับกระบวนการทางการเงินอีกด้วย

ความร่วมมือระหว่าง Ripple และศูนย์การเงินนานาชาติดูไบ (DIFC) ได้ผลักดันให้การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดย DIFC ได้กลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่สำคัญของภูมิภาค ซึ่งดึงดูดสตาร์ทอัพและนักลงทุนจากทั่วโลก

Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple กล่าวว่า "สหรัฐอาหรับเิมิเรตส์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้บริษัทต่างๆ มาลงทุนในภูมิภาคนี้"

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลกอย่างไร?

  1. การลดอำนาจของดอลลาร์สหรัฐฯ: การใช้สกุลเงินท้องถิ่นและเทคโนโลยีบล็อกเชนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศจะช่วยลดความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินสำรองสากลของโลก
  2. การเพิ่มความหลากหลายของระบบการเงิน: การเกิดขึ้นของระบบการเงินที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบการเงินเพียงระบบเดียว ซึ่งอาจโดนควบคุมจากส่วนกลาง
  3. การส่งเสริมนวัตกรรม: เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นจริงผ่านการใช้งาน

อนาคตของระบบการเงินโลกจะเป็นอย่างไร?

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบบการเงินโลก โดยในอนาคตเราอาจเห็นการเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังคงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และยังมีอุปสรรคอีกมากมายที่ต้องเผชิญ เช่น ปัญหาทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ รวมถึงความท้าทายในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน การทำธุรกรรมน้ำมันระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอินเดียโดยใช้ XRP Ledger ในครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของระบบการเงินที่หลากหลายและเป็นอิสระมากขึ้น

ที่มา : watcher.guru 

ที่มา : cryptopolitan

ภาพจาก : coin-report.net

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล

Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว

แท็ก:
ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความหวัง “Santa Claus Rally” ของ Bitcoin เริ่มริบหรี่ หลังราคาทำจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคม
Bitcoin เผชิญการปรับฐานครั้งใหญ่เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ชัยชนะในการเลือกตั้งของ Trump
โจรกรรมคริปโตพุ่ง! สูญเสียกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 เพิ่มขึ้น 40% จากปีที่แล้ว
Metaplanet ทุ่มซื้อ Bitcoin ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่ากว่า $60 ล้านดอลลาร์