🇺🇸 United States

Bitcoin เผชิญการปรับฐานครั้งใหญ่เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ชัยชนะในการเลือกตั้งของ Trump

Bitcoin เผชิญการปรับฐานครั้งใหญ่เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ชัยชนะในการเลือกตั้งของ Trump

Bitcoin ถล่มลงหนักหลังจากที่ราคาพุ่งทะยานแตะระดับประวัติศาสตร์จากกระแสชัยชนะของ Donald Trump ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน

Bitcoin ได้เผชิญกับการปรับฐานเป็นสัปดาห์แรก นับตั้งแต่ชัยชนะของ Donald Trump ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเคยกระตุ้นให้ราคาพุ่งสูงแตะระดับหกหลักเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ราคาของ Bitcoin ลดลง 10% ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยวันที่ 22 ธันวาคมมีราคาปิดที่ $94,645 ลดลงประมาณ $10,500 จากจุดเริ่มต้นของสัปดาห์ที่ $105,185 ตามข้อมูลจาก TradingView

การปรับตัวลดลงของ Bitcoin เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee) ประกาศลดจำนวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ไว้ในปีหน้า จาก 5 ครั้งเหลือเพียง 2 ครั้ง หลังจากดำเนินการลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน

ราคาของ Bitcoin ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ( ที่มา : TradingView )
ราคาของ Bitcoin ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ( ที่มา : TradingView )

อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Funds Rate) มีการคาดการณ์ว่าอาจปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 3.9% ในปี 2025 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 3.4% สภาวะดังกล่าวส่งผลให้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยต่อสินทรัพย์เสี่ยง อย่าง Bitcoin

จนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันถึง 6 ใน 7 สัปดาห์ตั้งแต่ชัยชนะของ Trump โดยการลดลงเพียงครั้งเดียวเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 พฤศจิกายน เมื่อราคาลดลงเพียง 0.78% ไปอยู่ที่ระดับ $97,280 ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap

ราคาปิดรายสัปดาห์ของ Bitcoin ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน ( ที่มา : CoinMarketCap )
ราคาปิดรายสัปดาห์ของ Bitcoin ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน ( ที่มา : CoinMarketCap )

แม้จะเผชิญการปรับฐาน แต่นักวิเคราะห์จากบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก อย่าง Bitwise และ VanEck ก็ยังคาดการณ์ว่า Bitcoin อาจทะยานขึ้นแตะช่วงราคาระหว่าง $180,000 ถึง $200,000 ภายในปี 2025 ซึ่งอาจได้รับแรงผลักดันจากการจัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ รวมถึงการยอมรับในระดับสถาบันและองค์กรที่เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจช่วยสนับสนุนบรรยากาศเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต โดย Trump ได้เสนอชื่อบุคคลที่สนับสนุนวงการคริปโตเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น Scott Bessent ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ Howard Lutnik CEO ของบริษัท Cantor Fitzgerald ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ขณะที่ Paul Atkins ผู้สนับสนุนคริปโต กำลังจะเข้ามาแทนที่ Gary Gensler ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ Trump จะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ

ล่าสุด Bitcoin มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $96,073 ลดลงประมาณ 11% จากจุดสูงสุดที่ $108,135 ที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ทั้งนี้ เมื่อวันคริสต์มาสปีที่แล้ว Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $43,610 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า Spot Bitcoin ETFs จะได้รับการอนุมัติในที่สุด

อ้างอิง : Cointelegraph

ติดตาม CryptoSiam
เพื่อให้ไม่พลาด ทุกข่าวสาร วงการคริปโต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ข้อมูลในบทความนี้มีจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น Cryptosiam ไม่รับประกันความสมบูรณ์ ความถูกต้อง หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว และไม่มีสิ่งใดในบทความนี้ที่ควรใช้เป็นคำแนะนำหรือชักชวน ให้ซื้อหรือขายคริปโต รวมทั้งการประเมินใดๆ ไม่มีข้อความใดในบทความที่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย วิชาชีพ การลงทุน และ/หรือทางการเงิน และ/หรือคำนึงถึงความต้องการเฉพาะ และ/หรือข้อกำหนดของแต่ละบุคคล

Cryptosiam และบริษัทในเครือ ขอปฏิเสธความรับผิด หรือความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ และการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลในบทความนั้น เป็นความเสี่ยงของผู้อ่าน และถือเป็นความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว

ข่าวต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไม่พร้อมรับข่าวร้าย! นักเทรดคริปโตถูกล้างพอร์ตมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ครั้งแรก! Bitcoin-Ethereum ETF จาก Hashdex และ Franklin Templeton ได้รับอนุมัติพร้อมกัน
Quantum BioPharma ทุ่ม $1 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin และคริปโต หวังกระจายความเสี่ยงป้องกันเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์เผย! Ethereum อาจร่วงแตะ 3,000 ดอลลาร์ หากแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป