สงครามรัสเซีย-ยูเครนก่อให้เกิดพิพิธภัณฑ์ NFT
กระทรวงดิจิทัลยูเครนเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ NFT ออนไลน์ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญหลังจากรัสเซียประกาศสงครามทางการเมืองครั้งใหญ่
กระทรวงดิจิทัลยูเครนเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ NFT ออนไลน์ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญหลังจากรัสเซียประกาศสงครามทางการเมืองครั้งใหญ่
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา Mykhailo Fedorov รัฐมนตรีผู้ว่าการกระทรวงดิจิทัลประกาศเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ NFT แห่งใหม่เพื่อจัดแสดงผลงานศิลปะในรูปแบบ Non-Fungible Token เพื่อรำลึกถึงเหตการณ์สำคัญ หลังจากรัสเซียได้ตัดสินใจบุกเข้าโจมตียูเครนนับตั้งแต่เวลา 5 นาฬิกา 45 นาที ของเช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ก่อนจะประกาศใช้กองกำลังทหารพิเศษเข้าโจมตีภูมิภาค Donbas ของยูเครนในเวลาต่อมา ทั้งนี้ทางหน่วยงานผู้ดูแลการจัดแสดงผลงานศิลปะในครั้งนี้ก็ได้ออกมาเผยถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริง พร้อมระบุว่า
“พวกเราจะไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของโลกไปแม้แต่วันเดียวอย่างแน่นอน”
ยูเครนระดมทุนเพิ่มเติมผ่าน NFT
อ้างอิงจากข้อมูลบนเว็บไซต์หลักของพิพิธภัณฑ์โลกดิจิทัลของยูเครน ระบุว่า ภายในงานประกอบไปด้วยภาพเหตุการณ์การต่อสู้ที่ถูกจัดจำหน่ายในรูปแบบ NFT ซึ่งสื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 24 และ 26 กุมภาพันธ์รวมกันทั้งหมด 54 ชิ้น ที่สามารถนำไปจัดแสดงได้ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ทั้งนี้ Ether (ETH) ที่ได้รับจากการขายภาพทั้งหมดจะถูกนำมาใช้ในการสนับสนุนกองทัพ และประชาชนต่อไป
ทางด้าน Fedorov ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นของเขาที่มีต่อการจัดงานในครั้งนี้ว่า
“ในขณะที่รัสเซียใช้รถถังในการบุกโจมตียูเครน แต่ทว่าพวกเรากลับพึ่งพิงเทคโนโลยี Blockchain สำหรับการปฏิวัติในครั้งนี้ … ซึ่งพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวจะกลายเป็นสถานที่ที่กักเก็บความทรงจำของการก่อสงคราม และเป็นสถานที่สำหรับการเฉลิมฉลองถึงอัตลักษณ์ และอิสรภาพของยูเครนอีกด้วย”
พิพิธภัณฑ์ NFT จะกลายเป็นเครื่องมือโจมตีสื่อรัสเซีย
นอกเหนือจากการระดมทุนเพื่อกองกำลังยูเครนแล้วนั้น แคมเปญการจัดแสดงผลงาน NFT ในครั้งนี้ยังดูเหมือนจะมีเป้าหมายเพื่อใช้โจมตีสื่อจากประเทศรัสเซียที่ขึ้นชื่อเรื่องของการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ และข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดใจในยูเครน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผู้จัดพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวมีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อเท็จจริงผ่านผู้คนในชุมชนดิจิทัลทั่วโลกนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลยูเครนยังได้ออกมาบอกใบ้ถึงการเปิดเผยโครงการบางอย่างผ่านโปรเจกต์ NFT ในครั้งนี้ หลังจากที่เคยประกาศยกเลิกแผนการแจกโทเคนปริศนาไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม โดย Alex Bornyakov รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเปิดเผยกับทางสำนักข่าวจากสหราชอาณาจักรว่า ทางกระทรวงเตรียมปล่อยคอลเลกชัน NFT ที่จะทำหน้าที่เสมือนพิพิธภัณฑ์รำลึกถึงสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ซึ่งจะได้รับความร่วมมือจาก Fair.xyz แพลตฟอร์ม NFT ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับเครือข่าย Blockchain ของพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวนั่นเอง
สงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้อัตราการยอมรับคริปโตเพิ่มมากขึ้น
ความรุนแรง และการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้เห็นสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการอุ้มชู และหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศดำเนินต่อไปได้เช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา คริปโตเคอเรนซีได้เข้ามามีบทบาททั้งในกองกำลังทหาร และภาคการเมืองของยูเครนอย่างมากเลยทีเดียว หลังจากผู้ใช้คริปโตทั่วโลกพากันบริจาคเงินดิจิทัลเพื่อช่วยเหลือภาคส่วนต่าง ๆ จนทำให้ทางรัฐบาลตัดสินใจยอมรับการบริจาคด้วยคริปโตโดยตรงผ่าน Wallet ที่ทางกระทรวงดิจิทัลได้จัดทำไว้ให้เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้คริปโตภายใน Wallet ขององค์กรการกุศล และรัฐบาลมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางยูเครนยังได้ออกมาประกาศให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นสินทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย พร้อมยกย่องการตัดสินใจลงนามอนุมัติของประธานาธิบดี Volodymyr Zelenskyy ในครั้งนี้ว่าเป็นการก้าวออกจากเงามืดอย่างถูกต้องแล้ว
ในขณะเดียวกันทางฝั่งของชาติมหาอำนาจอย่างรัสเซียเองก็ได้พยายามหาหนทางที่จะหลีกหนีมาตรการคว่ำบาตรที่กำลังดำเนินไปในหลายพื้นที่ทั่วโลกด้วยวิธีการต่าง ๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนว่ามีคริปโตเคอเรนซีเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการต่อกรกับต่างชาติที่เรียกได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว โดยล่าสุด Pavel Zavalny ประธานคณะกรรมการด้านพลังงานแห่งรัสเซียก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่จะรับค่าน้ำมัน และค่าแก๊สด้วย Bitcoin (BTC) จากประเทศพันธมิตร อย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐตุรกี ส่งผลให้ตลาดคริปโตกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง และราคาของ BTC เองก็ทะยานขึ้นมา 2.7% เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ การกระทำของรัสเซียยังได้สร้างความกังวลใจให้แก่บรรดากลุ่มประเทศ G7 และสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก จนต้องออกมาตรการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้รัสเซียหลีกหนีการคว่ำบาตรไปได้